ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,534.42 จุด ลดลง 4.82 จุด (-0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 25,924.47 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,535.41จุด แตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,528.40 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงกว่า 3% ขณะซึ่งตลาดเริ่มให้ความสนใจอุปทานน้ำมันที่อาจจะเพิ่มขึ้นในช่วงสั้น อีกทั้งราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เปิดใช้งานมีจำนวนสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน ดังนั้น จึงเป็นที่มาทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานกดดันดัชนีฯไปแล้ว 3 จุด รวมถึงกลุ่มปิโตรเคมีด้วยเช่นกัน
อนึ่ง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 47.05 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ โดยกลุ่มพลังงานจะปรับตัวลงอย่างชัดเจน ยกเว้นตลาดในแถบเอเชียเหนือ อย่างญี่ปุ่น, เกาหลี และไต้หวันที่ยังยืนในแดนบวกได้ ทั้งนี้ ตลาดฯอยู่ระหว่างรอติดตามถ้ยอแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันศุกร์นี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ซึ่งตลาดฯ ให้น้ำหนักพอควรเพราะจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond yield) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมไปถึงทิศทางของ Fund Flow ด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังสวิงในแดนลบในกรอบแนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,211.87 ล้านบาท ปิดที่ 60.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,034.07 ล้านบาท ปิดที่ 18.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,017.00 ล้านบาท ปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 886.62 ล้านบาท ปิดที่ 346.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 883.82 ล้านบาท ปิดที่ 196.00 บาท ลดลง 1.00 บาท