นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช กำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนประมาณ 10,400 ล้านบาท ว่า กระบวนการก่อสร้างมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งภายหลังจากแล้วเสร็จคาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในช่วงปลายปีนี้ และจะทำให้บริษัทฯมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจโรงไฟฟ้า เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากปีก่อนที่มีกำลังการผลิต 188 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นเป็น 404 เมกะวัตต์ ผลักดันให้รายได้และกำไรในปีนี้ ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
"ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เราโหมทั้งเรื่องงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมทางภาคใต้ และยังได้เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จังหวัดชัยภูมิ 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ ด้วยงบประมาณการลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง กำหนด COD ภายในเดือนมิถุนายน 2561 ทำให้ EA จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไร เติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายอมรกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/59 มีรายได้รวม 3,144.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 634.19 ล้านบาท หรือ 25.26 % และมีกำไรสุทธิ 992.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 251.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฟาร์มที่จังหวัดพิษณุโลก ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ซึ่ง COD ไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าว ติดตั้งระบบหมุนตามดวงอาทิตย์และอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ภาคภูมิใจของบริษัทฯ
ส่วนรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 1,499.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.64 % เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนเนื่องจากราคาขายมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด ทั้งนี้ ปริมาณการจำหน่ายในครึ่งปีแรกเติบโตเพิ่มขึ้น 9.71 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 11.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ภาพรวมภาพการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 5,601.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,077.89 ล้านบาท หรือ 23.83 % และมีกำไรสุทธิ 1,703.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 382.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.93% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน