TOP คาด GRM-EBITDA (ไม่รวมสต็อกน้ำมัน) ช่วงครึ่งปีหลังใกล้เคียงครึ่งปีแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 23, 2016 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าการกลั่น (GRM) ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 5.2 เหรียญ/บาร์เรล โดยในไตรมาส 3/59 คาดว่า GRM จะลดลงต่ำกว่าไตรมาส 2/59 ที่ 4.4 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากช่วงไตรมาส 3/59 เป็นช่วงที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำมันน้อยอยู่ เพราะอยู่ในช่วงหน้าฝน

แต่ GRM จะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงไตรมาส 4/59 โดยคาดการณ์ไว้ที่มากกว่า 5 เหรียญ/บาร์เรล เพราะไตรมาส 4 ของทกปีเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น หลังเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีประเทศที่เผชิญกับอากาศหนาวนำน้ำมันไปใช้ในการทำความร้อน และเป็นช่วงที่มีการท่องเที่ยวมาก ที่มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นต้องติดตามการเจรจาระหว่างรัสเซียกับซาอุดิอาระเบียที่มีแนวโน้มจะพยุงราคาน้ำมัน ทำให้ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงขึ้น แต่หากประเมินพื้นฐานกำลังการผลิตยังถือว่ามีปริมาณน้ำมันล้นตลาดอยู่ อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง และความต้องการจะสูงกว่าการผลิตช่วงกลางปีหน้า ซึ่งบริษัทคาดว่าราคาน้ำมันในปีนี้อยู่ที่ระดับ 40-45 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีนิติบุคคล ค่าเสื่อม และค่าจัดจำหน่าย (EBITDA) ที่มาจากการดำเนินงานและไม่รวมสต๊อกน้ำมัน ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นยังเติบโตได้ดีตามความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น แม้มีโรงกลั่นที่ปิดปรับปรุง 1 เดือนในช่วงไตรมาส 3/59

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการรับรู้ EBITDA จาก 2 โครงการใหม่เข้ามาเพิ่ม คือ โครงการธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) จำนวน 239 เมกะวัตต์ และโครงการ LAB (Linear Alkyl Benzene) ที่เป็นสารตั้งต้นหลักในธุรกิจผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่จะมี EBITDA เข้ามากว่า 3 พันล้านบาท

ส่วนโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาอยู่นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มกำลังการกลั่นเป็น 400,000 บาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ 270,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทดำเนินการผลิตโรงกลั่นเต็มที่แล้วในระดับ 109% ถือว่าสูงมาก โดยเป็นลักษณะการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นเดิม เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณ 3-4 พันล้านเหรียญหรืออาจต่ำกว่าราว 30% และคาดหวังจะคืนทุนได้ภายใน 4-5 ปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะได้ข้อสรุปโครงการและนำเสนอคณะกรรมการในช่วงไตรมาส 1/60


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ