นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ หลังตลาดสหรัฐฯปิดเมื่อคืนนี้อยู่ในแดนบวกได้หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจดี และราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น แต่เช้านี้ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลงมาอีกหลังจากที่คาดว่าสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯจะออกมาเพิ่มขึ้น
แต่ก็ยังคงโฟกัสไปที่การกลี่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันศุกร์นี้ ซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย โดยหากส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็คงจะทำให้หุ้นปรับตัวลง
ส่วนบ้านเราช่วงนี้มีหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผลอยู่หลายตัว ทำให้หุ้นไทยอาจจะปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก ตลาดฯจึงเป็นลักษณะของ Wait & See
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเข้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,547.30 จุด เพิ่มขึ้น 17.88 จุด (+0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,260.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.48 จุด (+0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,186.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.26 จุด (+0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 52.85 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.31 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.89 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 5.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.90 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ส.ค.59) 1,540.06 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด (+0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 616.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ส.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ส.ค.59) ปิดที่ 48.10 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ส.ค.59) ที่ 4.36 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.64/66 แนวโน้มอ่อนค่า หลังดอลล์แข็งจากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยก.ย.นี้
- นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สอบถามถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯนครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร ว่า จะเริ่มก่อสร้างได้ทันตามกำหนดในเดือน ก.ย.นี้หรือไม่ ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า การก่อสร้างน่าจะไม่ทันเดือน ก.ย. เนื่องจากการเจรจารายละเอียดแผนการดำเนินโครงการยังไม่แล้วเสร็จ
- นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เปิดเผยว่า สมาคมฯ เตรียมยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม ในการปรับลดภาษีอากรขาเข้าจากปัจจุบันอยู่ที่ 80% ลดลงเหลือ 30% รวมถึงการกำหนดราคากลางรถยนต์ให้เป็นราคาจริงในท้องตลาด เพื่อให้เกิดการแข่งขันของทุกฝ่ายในประเทศไทยอย่างเท่าเทียม
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาส 4 ของปีนี้ รวม 3 มาตรการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้การเบิกจ่ายในไตรมาส 4 ปีปฏิทิน 2559 ดำเนินการได้ไม่น้อยกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นการรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
- สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ไอไอเอฟ) รายงานว่า เพียงช่วง 3 สัปดาห์นับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีทุนไหลเข้าแล้วถึง 1.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.56 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการไหลเข้าสูงที่สุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
- ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติยันเหตุผลสำคัญเงินบาทแข็งค่าเกิดจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า จึงมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามากขึ้น เผยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบาทแข็งค่า 4% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเทียบกับสกุลในภูมิภาค พร้อมดูแลค่าบาทใกล้ชิดรับความผันผวนตลาดการเงินโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- SYNEX (โกลเบล็ก) "ซื้อ" เป้า 6.50 บาท การเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ HUAWEI P9 ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาคาดว่าจะหนุนยอดขายในครึ่งปีให้เติบโตทั้งปีตามเป้าที่ 2.3 หมื่นล้านบาท (1H59 มีรายได้ 1.05 หมื่นล้านบาท) นอกจากนี้บริษัทกำลังเจรจาร่วมทุนดำเนินธุรกิจด้านปล่อยสินเชื่อเกี่ยวข้องกับสินค้าเทคโนโลยีซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 4 นี้ ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย XD แล้ววันที่ 23 ส.ค.) ซึ่งคาดว่าปี 59 จะจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่ 0.26 บาทต่อหุ้นคิดเป็นอัตราเงินปันผลที่สูงถึง 4.44% ทำให้ Downside ค่อนข้างจำกัด
- THAI (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้วจากเป็นช่วง low season ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึง 1Q60 จากช่วง high season นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวที่ยังแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ต้นทุนลดลงจากการปฏิรูปองค์กรในปี 58 และการรับรู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่ต่ำเต็มที่เมื่อเทียบกับปี 58 ที่ทำประกันราคาน้ำมันในระดับสูงที่ 80-90 เหรียญ/บาเรลล์
- PACE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 4.50 บาท หลังจากขาดทุนสุทธิ 640 ล้านบาทใน 1H59 และขาดทุนมา 3 ปีก่อนหน้านี้ (ปี 56-58) จากการลงทุนขนาดใหญ่เกือบ 2 หมื่นล้านบาทในโครงการมหานคร (ที่อยู่อาศัยแบบ mix-used ที่ถ.นราธิวาสฯ) และมหาสมุทร (วิลล่าที่หัวหิน) แต่เชื่อว่าผลประกอบการจะเริ่ม turnaround ตั้งแต่ 3Q59 จากการโอนโครงการมหานครอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และโครงการมหาสมุทรจะเริ่มโอนใน 4Q59 โดยยังคาดกำไรใน 2H59 จะมากพอที่จะพลิกให้ทั้งปีเป็นกำไรได้ 471 ล้านบาท และก้าวกระโดด 184% Y-Y เป็น 1.34 พันล้านบาทในปีหน้า ทำให้ PE ที่แพง 30 เท่าในปีนี้เหลือเพียง 10.7 เท่าปีหน้า