นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล (MINT) กล่าวว่า บริษัทยังคงแผนกำไรสุทธิในช่วง 5 ปี (ปี 59-63) จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 15-20% และมีรายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่าปีละ 10-15% โดยการเติบโตจะมาจากธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจรีเทล ประกอบการเข้าซื้อกิจการใหม่ ๆ ซึ่งคาดหวังจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ราว 15%
ทั้งนี้ ธุรกิจโรงแรม บริษัทตั้งเป้าในปี 63 จะมีโรงแรมเพิ่มเป็น 210 แห่ง จากปัจจุบันมีโรงแรมทั้งสื้น 151 แห่ง ซึ่งปีนี้คาดว่า อัตราการเข้าพัก (OCC) คาดว่าจะเติบโต 3-4% จากปีก่อนที่ 68% และราคาห้องพัก/วัน (ADR) คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3-4% ขณะที่อัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตใกล้เคียง 6-7% จากปีก่อนที่มีระดับเฉลี่ยที่ 3,964 บาท/ห้อง/คืน ซึ่งธุรกิจโรงแรมก็ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดหวังในปี 63 จะมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 34% ต่างประเทศ 66% จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากในประเทศ อยู่ที่ 41% และ 59% ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นทั้งโรงแรมที่บริษัทเข้าไปลงทุนเอง และรวมถึงโรงแรมที่บริษัทมีการเข้าไปรับจ้างบริหาร
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นและกลุ่มโรงแรม ทิโวลี ประเทศโปรตุเกส ที่จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และการรับรู้ผลการดำเนินงานเนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 50% เป็น 100% ของโรงแรมรอยัง ลิฟวิ่งสโตน บาย อนันตรา และโรงแรมอวานี วิคตอเรียฟอลส์ ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นในช่วงเดิอนก.ค.ที่ผ่านมา
ด้านธุรกิจอาหารคาดว่าน่าจะเติบโตได้ราว 15% ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าปี 63 จะมีร้านอาหารเพิ่มเป็น 3,100 สาขา จากปัจจุบัน 1,883 สาขา โดยจะมีการเติบโตจะมาจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และการขยายสาขาใหม่ โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารในประเทศปี 63 เพิ่มเป็น 58% และต่างประเทศเป็น 42% จากปัจจุบัน 60% และ 40% ตามลำดับ ขณะที่ธุรกิจจัดจำหน่ายจะเพิ่มเป็น 360 กลุ่ม จากปัจจุบันที่ 300 กลุ่ม
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าปี 63 สัดส่วนรายได้รวมจะมาจากต่างประเทศ และในประเทศ 50:50 จากปัจจุบัน มีสัดส่วนรายได้ ในประเทศ 53% และ ต่างประเทศ 47% โดยบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหาร โดยวางงบลงทุนปี 59-63 ราว 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในการขยายธุรกิจเดิมราว 2.9-3 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ ด้านแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงิน โดยปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน 1.3 เท่า ถือว่ายังมีความสามารถในการกู้ยืมได้อีกจำนวนมาก ประกอบกับในปี 60 บริษัทเตรียมแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) คาดว่าจะได้รับเงิน 7-8 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ในวันที่ 5 ตุลาคม จะมีการเดินทางไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุน(โรดโชว์)ที่ยุโรป เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุน โดยปัจจุบันนักลงทุนสถาบันต่างชาติมีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทรวมกัน 30% เพิ่มขึ้นมากจากช่วงที่ผ่านมา