บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/59 จะทำได้สูงกว่าไตรมาส 2/59 ที่มีรายได้ 3.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอุตสาหกรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีกำไร 269 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยในครึ่งปีแรกมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 3.52% และตั้งเป้าหมายอัตรากำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องแตะ 10% ในปี 63
นายเย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AH เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ของไตรมาส 3/59 คาดว่าจะสูงกว่าไตรมาส 2/59 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3.68 พันล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3 มีวันหยุดทำงานน้อยกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำให้ยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ลดลงในไตรมาส 2 และยอดคำสั่งซื้อเริ่มกลับมากมากขึ้นในไตรมาส 3 นี้แล้ว ประกอบเริ่มเห็นการฟื้นตัวตลาดรถยนต์ขึ้นบ้างเล็กน้อย ทำให้หลายค่ายเริ่มมีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนรายได้ของบริษัท
สำหรับรายได้รวมในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่เติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.51 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทางทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ประเมินว่ายอดผลิตรถยนต์ในปีนี้จะอยู่ที่ 2 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน ส่วนรายได้ของบริษัทในครึ่งปีแรกของปีนี้อยู่ที่ 7.65 พันล้านบาท
แนวโน้มของกำไรในครึ่งปีหลังคาดว่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีกำไรอยู่ที่ 269.48 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้มีการลดต้นทุนและควบคุมประสิทธิภาพการผลิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการใช้กำลังการผลิตให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) เพื่อทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากครึ่งปีแรกที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีการเพิ่มขึ้นเป็น 6.82% จากสิ้นปีก่อนที่ 4.91% ส่วนในแง่ของกำไรทั้งปีนี้ยังคาดว่าจะสูงกกว่าปีก่อน หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรอยู่ที่ 269.48 ล้านบาท
ด้านเป้าหมายระยะยาวนั้น บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 10% ภายในปี 63 โดยจะเน้นการลดต้นทุนต่างๆลงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงการใช้กำลังการผิตให้เกิดความคุ้นค่าและสร้างผลตอบแทนคืนให้กับบริษัทในระดับที่เหมาสม ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ 3.52% จากปีก่อนที่ 2.07%
ส่วนการลงทุนอื่นๆ ในอนาคตบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนรถยนต์ ธุรกิจดีลเลอร์ และธุรกิจอีคอมเมิร์ช ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะเป็นการซื้อกิจการ แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่ต้องรีบที่จะลงทุนอื่นๆ เพราะตลาดรถยนต์ยังเพิ่งเริ่มฟื้นตัวขึ้น และยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่มาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน แม้ว่าการเข้าซื้อกิจการในช่วงนี้จะมีการลงทุนที่ไม่สูง และบริษัทเองก็มีฐานะทางการเงินที่ดี
ขณะที่การศึกษาลงทุนในประเทศอินเดีย บริษัทยังไม่ได้มีการตัดสินใจที่แน่นอนและไม่มีความคืบหน้าใดๆเกิดขึ้น แม้ว่าจะเดินทางไปดูตลาดที่ประเทศอินเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะเห็นว่าควรต้องมีการศึกษาที่ค่อนข้างรอบคอบ