นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติรายละเอียดเพิ่มเติมของการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยเป็นการจัดสรรหุ้นจำนวน 210 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบ้านปูฯที่มีสิทธิจองซื้อ หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของหุ้นเพิ่มทุนของ BPP ที่จะออกและเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ซึ่งมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส 4/59
สำหรับการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของ BPP ผู้ถือหุ้นบ้านปูฯ ที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BPP กำหนดอัตราส่วนในการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ BPP จะอยู่ระหว่างประมาณ 18 หุ้นบ้านปู ต่อ 1 หุ้น BPP ถึงประมาณ 25 หุ้นบ้านปู ต่อ 1 หุ้น BPP ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนการใช้สิทธิแปลงสภาพของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ BANPU-W3 ณ วันที่ 5 ก.ย.59
ผู้ถือหุ้นบ้านปูฯ ที่มีสิทธิ สามารถจองซื้อหุ้น BPP เกินสิทธิของตนเองได้ไม่เกิน 20% โดยหุ้นที่ถูกจองเกินสิทธิจะได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนเมื่อมีหุ้นเหลือจากการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นบ้านปูฯ ที่มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BPP ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราส่วนการจองซื้อหุ้น ช่วงราคา และช่วงเวลาใช้สิทธิจองซื้อได้ประมาณวันที่ 26 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ซึ่งเงินปันผลต่อหุ้นดังกล่าวมีอัตราเทียบเท่ากับเงินปันผลระหว่างกาลในปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงวินัยทางการเงินและความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสดของบริษัท
โดยมีมติอนุมัติให้วันที่ 8 ก.ย.59 เป็นวัน XD และวันที่ 12 ก.ย.59 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลและการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BPP
อนึ่ง การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลกำหนดเป็นวันที่ 23 ก.ย.59 ทั้งนี้ ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่นำใบสำคัญแสดงสิทธิ BANPU-W3 แจ้งความจำนงในการใช้สิทธิในระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-2 ก.ย.59 เพื่อแปลงสภาพเป็นหุ้นบ้านปูฯ ในอัตรา 5 บาท/หุ้น จะมีสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาลและซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BPP ด้วยเช่นกัน
"บ้านปูฯ ยังคงเดินหน้านโยบายสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสมดุล ควบคู่ไปกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท ในการเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน การบริหารคุณภาพการกระจายและการขนส่งถ่านหิน รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี โรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูงและปล่อยมลภาวะต่ำ (High Efficiency Low Emissions: HELE) และพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับนโยบายด้านการเงินเชิงรุกที่มุ่งสร้างกระแสเงินสดให้เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ที่ผ่านมาเราสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นทุกคนได้อย่างสม่ำเสมอ และสร้างการเติบโตตามแผนที่จะมุ่งสร้างมูลค่าระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้มากที่สุด"นางสมฤดี กล่าว