โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) โดยมองโรงไฟฟ้าหงสาในลาวจะกลับมาเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหลักต่อผลกำไรในช่วงครึ่งหลังปีนี้ให้เติบโต นอกเหนือจากการเปิดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าโรงไฟฟ้านวนครเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา และการได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2
ส่วนการมองหาโอกาสการลงทุนใหม่เพื่อเพิ่มพอร์ตการผลิตไฟฟ้าของบริษัทอย่างต่อเนื่องนั้น อาจจะยังไม่เห็นความคืบหน้าในระยะสั้น ขณะที่การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ทั้งธุรกิจ LNG และรถไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ท่ามกลางโอกาสที่จำกัดของธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้น เห็นว่ายังมีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจและอาจจะเกิด Downside ได้หากเกิดความผิดพลาดเนื่องจากบริษัทเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์
อย่างไรก็ตาม หุ้น RATCH นับว่าเป็นหุ้นที่มี Downside ต่ำและปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.4-4.5% ซึ่งทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุน
ราคาหุ้น RATCH ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 54.50 บาท เพ่มขึ้น 0.75 บาท (+1.40%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 61 บัวหลวง ซื้อ 60 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ Trading Buy 58 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 63 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 63 เอเซีย พลัส ซื้อ 60
นักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ"หุ้น RATCH เนื่องจากเป็นหุ้น Laggrad เมื่อเทียบกับหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อื่น ๆ และแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสาจะมีอัตราการใช้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากติดปัญหาทางเทคนิคในช่วงเริ่มเดินเครื่อง รวมถึงยังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้านวนครที่เพิ่งเดินเครื่องผลิตช่วงกลางปีนี้ และคาดจะได้รับอานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 จะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงฤดูแล้งในงวดที่ผ่านมา
ดังนั้น คาดว่าทั้งปีนี้กำไรปกติของ RATCH จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 5.3-5.4 พันล้านบาท จาก 4.6 พันล้านบาทในปีก่อน จากการที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าใหม่ที่เข้าระบบมากขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าเก่ามีผลการดำเนินงานชะลอตัวตามประสิทธิภาพที่ลดลง แต่การเติบโตหลักจะกลับมาเด่นชัดอีกครั้งในปีหน้าจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าใหม่ที่เข้าระบบในปีนี้เต็มที่ทั้งปี โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าหงสาที่จะเป็นปัจจัยหลักหนุนผลการดำเนินงานในปี 60
ขณะที่ RATCH ยังนับเป็นหุ้น Defensive ที่เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว และให้อัตราผลตอบแทนจากปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดว่าปีนี้จะมีการจ่ายปันผล 2.35 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ระดับ 4.5%
ส่วนการที่ RATCH มีแผนจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งในส่วนของคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองนั้น ยังไม่ได้ถูกรวมไว้ในประมาณการผลการดำเนินงาน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในการลงทุน และมองว่าโอกาสการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ดังกล่าวของ RATCH ค่อนข้างจำกัด
"growth ของ RATCH ยังมาจากโรงไฟฟ้าหงสาเป็นหลักที่จะหนุนกำไรในปีหน้าในเติบโต แต่ธุรกิจใหม่อย่างโครงการรถไฟฟ้าที่บริษัทสนใจจะเข้าไปร่วมประมูลนั้น ยังไม่มีความชัดเจนและโอกาสอาจจะค่อนข้างจำกัด ส่วนการมองหาโรงไฟฟ้าเป็น new project ใหม่นั้นก็ยังไม่เห็นในระยะอันใกล้"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าหงสายังต้องจับตามองว่าจะสามารถเร่งอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ได้ระดับ 80-85% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หรือไม่ เพื่อที่จะให้โรงไฟฟ้าหงสามีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 70% ในปีนี้ หลังที่ประสบปัญหาในการเดินเครื่องในช่วงแรก เป็นไปตามสภาวะของโรงไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดใหม่มักจะมีปัญหาในช่วงเริ่มเดินเครื่องประมาณ 1-2 ปีก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งหากทำไม่ได้ตามคาดก็อาจจะทำให้ผลประกอบการต่ำกว่าที่ประมาณการไว้
อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ"ซื้อ"หุ้น RATCH คงเป้าหมายกลางปี 60 ที่ระดับ 61 บาท จากราคาหุ้นที่ยังมี Upside อีกทั้งถือว่าถูกที่สุดในกลุ่ม โดยมี PEG อยู่ที่ 0.6x เท่านั้น ในขณะที่ของหุ้นอื่นในกลุ่มพลังงานอยู่ที่ 0.9x-2.6x
ส่วนโอกาสการลงทุนในหลายโครงการเพื่อเพิ่มพอร์ตของธุรกิจไฟฟ้า ทั้งในรูปของการโครงการสร้างใหม่ (greenfield) และโครงการเดิมที่มีอยู่ (brownfield) ทั้งรูปแบบพลังงานฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน สำหรับโครงการในและต่างประเทศนั้นขณะนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้าเกิดขึ้นในระยะสั้น
ขณะที่การมองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจเสริมทั้ง LNG และขนส่งมวลชน ซึ่งบริษัทนับว่ามีความชำนาญในธุรกิจปัจจุบันจะนำไปใช้กับธุรกิจใหม่ แต่ก็มองว่าธุรกิจเหล่านี้มีอุปสรรคในการที่จะเข้าไป (barrier to entry) ที่เกิดจากผู้เล่นหลักในธุรกิจนั้น ๆ และอาจจะเกิด Downside ได้หากเกิดความผิดพลาดเนื่องจากบริษัทเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดว่าผลการดำเนินงานของ RATCH ช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะมีกำไรดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งส่งผลให้ทั้งปีนี้มีกำไรราว 5.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 77% จากปีที่แล้ว โดยกำไรที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมาจากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหงสาที่เดินเครื่องได้มากขึ้นหลังจากมีปัญหาในช่วงแรกที่เปิดดำเนินการ และการเปิดเดินเครื่องของโรงไฟฟ้านวนครช่วงกลางปีที่ผ่านมา
ขณะที่หุ้น RATCH ยังมีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน โดยคาดจะจ่ายปันผลปี 59 ที่ 2.28 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4.4% อีกทั้งหุ้นยังมี Upside จากโครงการที่กำลังประมูลและกำลังพัฒนาในอนาคต