นายเมธี จารุมณีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ขายและการตลาด บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตได้ราว 15% จากปีก่อนที่ 2,556.12 ล้านบาท เนื่องจากตลาดส่งออกยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีนและอินโดนีเซียที่เริ่มมีการกระจายสินค้าได้มากขึ้น ขณะที่ตลาดในประเทศ แม้ว่าจะยังคงมีการแข่งขันสูง แต่ SAPPE ก็มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากตลาดส่งออกอยู่ที่ 65% และตลาดในประเทศที่ 35%
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1,441.61 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิที่ 219.70 ล้านบาท จากการที่ยังมีการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการย้ายกำลังการผลิตจากโรงงานบางชันไปยังโรงงานแห่งใหม่ที่รังสิตคลอง 13 ช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลดลง และสายการผลิตใหม่ยังช่วยสนับสนุนขีดความสามารถในการทำกำไรต่อหน่วยให้ดีขึ้น เนื่องจากเครื่องจักรที่นำเข้ามาติดตั้งได้เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตทันสมัย
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 15.24% ใกล้เคียงครึ่งปีแรก ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะรักษาไว้ใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่ 44.73% เช่นเดียวกัน
"เรายังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ 15 % โดยยังคงเติบโตจากตลาดส่งออกเป็นหลัก เขณะที่ตลาดในประเทศยังคงมีความแข่งขันที่สูงอยู่ แต่ก็ยังมีโอกาสการเติบโตไปได้ ซึ่งเราก็ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพิ่มเพื่อกระตุ้นยอดขาย ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 130,000 ตันต่อปี"นายเมธี กล่าว
ส่วนการเข้าซื้อหุ้น บริษัท โคโคนัท แฟคทอรี่ จำกัด (CCF) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมะพร้าวน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ขนมจากน้ำมะพร้าวน้ำหอม ในวันที่ 1 ต.ค.59 ภายใต้งบลงทุน 140 ล้านบาท โดยจะใช้เงินทุนหมุนเหวียนของบริษัท ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้เพื่อรองรับแผนขยายพอร์ตสินค้าและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง เนื่องจากบริษัทมองเห็นศักยภาพการเติบโตของผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลก
นายเมธี กล่าวว่า หลังจากเข้าร่วมทุนกับ CCF แล้วจะออกสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกน่าจะเป็นน้ำมะพร้าวบรรจุขวด โดยตั้งเป้าหมายยอดขายผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวน้ำหอม 500 ล้านบาทภายใน 5 ปี และมีอัตรากำไรสุทธิราว 8% ภายในปี 64 จากปี 58 มียอดขายอยู่กว่า 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการเจรจาเข้าซื้อกิจการใหม่ ๆ ต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้