AECS ให้กรอบ SET Index ก.ย.ในช่วง 1,500–1,590 จุด จับตานโยบายการเงินโลกหนุนศก.ฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 29, 2016 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เออีซี (AECS) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.ย.โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,500-1,590 จุด ซึ่งมองเป็นจังหวะสำคัญในการประเมินผลตอบแทนการลงทุนก่อนที่ตลาดหุ้นโลกจะเข้าสู่ช่วงการลงทุนรอบใหม่

ทั้งนี้ หากประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวได้สูง และมีปัจจัยสนับสนุนแรง แทนการเลือกหุ้นที่เป็น Cheap Valuation, High Dividend แต่ Low Beta โดยการขึ้นของ SET รอบนี้จะมีหุ้น High Beta ที่ปรับตัวได้แรง และความกลัวที่เพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กัน เป็นตลาดที่กลยุทธ์ Trading Strategy จะมีความน่าสนใจกว่า Buy and Hold

ปัจจัยนโยบายการเงินโลกสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเล็งเห็นประเด็นสำคัญในตลาดการเงินโลก คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed Fund Rate 1 ครั้ง แตกต่างจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง ผลกระทบไม่ได้มีนัยสำคัญ และนโยบายการเงินของประเทศอื่น ๆ มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น จับตาทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) , ธนาคารกลางยุโรป (ECB), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่มีโอกาส Surprise ในทางบวก ตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) รวมถึง SET ยังเป็น Destination ที่สำคัญของโลก

ดังนั้น บริษัทฯแนะนำให้เลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ พร้อมกับเลือกบริษัทที่มีความแข็งแรงของ Business Model โดยกลุ่มแรกเลือกลงทุนกลุ่มที่มีรับประโยชน์จากการประมูลภาครัฐฯ 1.58 แสนลบ.ที่กำลังจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/59 เช่น โครงการรถไฟฟ้า 3 สาย,1 รถไฟรางคู่ และโครงการที่เข้ามาเพิ่ม East West Corridor ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด โดยกลุ่มรับเหมาฯก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมที่มีการปรับเพิ่ม ผลการดำเนินงานปี 2560 เพิ่ม 42% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นกลุ่มที่ยังต้องเลือกเป็นอันดับ 1 ของทีมกลยุทธ์ เลือก CK,UNIQ,SYNTEC,STEC,PYLON เป็น Top Strategic Call

กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาสินค้าเกษตรฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อบริษัทในกลุ่ม อาหาร, กลุ่มพาณิชย์ โดยเลือก หุ้น BR,GFPT, CBG ต่อเนื่องจากเดือน ส.ค. รวมทั้งกลุ่มการท่องเที่ยวมองว่ายังคงเป็นจุดแข็งหลักของเศรษฐกิจไทย ยังคงเลือก BA, AAV,AOT เป็น Top Pick และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน ERW, MINT และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ใช่จุดแข็งของประเทศไทยตอนนี้คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ