นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) กล่าวว่า บริษัทฯมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือประมาณ 300 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 265.97 ล้านบาท หลังได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ ที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 25% และอัตรากำไรสุทธิน่าจะทำได้ราว 10% จากการควบคุมต้นทุนค่าบริการได้ดี
ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจหลักการให้บริการรับส่งพนักงานนิคมอุตสาหกรรมนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ มูลค่างานประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ในไตรมาส 3/59 โดยพบว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกมากขึ้น ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี ,นิคมอุตสาหกรรม กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และสระบุรี เชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทให้บริการดังกล่าวเน้นในพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ชลบุรี ,นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง,นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ชลุบรี ,นิคมอุตสาหกรมมาบตาพุด ระยอง ,นิคมอุตสาหกรรมเหมราช ระยอง และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ระยอง เป็นต้น
ขณะที่ ธุรกิจรถเช่ารายวัน VIP Van Service และธุรกิจโมเดลใหม่ รถ Shuttle bus ให้บริการรับส่งมวลชน มีกระแสตอบรับดี โดยธุรกิจรถให้เช่ารายวัน มีจำนวนลูกค้าขอใช้บริการมากขึ้น ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มจำนวนรถ และเจรจาลูกค้ารายใหม่คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเดือนก.ย.นี้ หากสามารถตกลงและทำสัญญากันได้จะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากมีฐานรายได้รองรับที่แน่นอน
ส่วนธุรกิจรถ Shuttle bus เริ่มมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน บริษัทจึงมีแผนขยายพื้นที่ไปยังกลุ่มคอนโดมิเนียมและคอมมูนิตี้มอลล์ที่ห่างจากรถไฟฟ้าในบริเวณอื่นเพิ่มเติม
นายปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีสัญญาให้บริการกับลูกค้าอยู่ในมือทั้งสิ้น 27 สัญญา คิดเป็นมูลค่า 1,222 ล้านบาท โดยมีการรับรู้สัญญาแล้วประมาณ 45% และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้อีกประมาณ 666 ล้านบาทในปีถัดไป
"ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นไปที่การขยายตัวของธุรกิจรถเช่ารายวัน VIP Van Service ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับฐานลูกค้าเดิมเพื่อใช้บริการ VIP Van Service กับบริษัทเพียงเจ้าเดียว โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในเดือนก.ย.นี้ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ ในการให้บริการรับส่งพนักงานรอบนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน ซึ่งน่าจะส่งผลให้รายได้ปีนี้จะยังคงเติบโตไม่น้อยกว่า 15% ได้ตามเป้าหมาย" นายปิยะ กล่าว
สำหรับแนวทางการเพิ่มจำนวนรถ บริษัทคาดว่าในช่วง 2-3 ปีนี้จะมีรถให้บริการเพิ่มเป็น 300 คัน จากปัจจุบัน 260 คัน โดยจะนำเงินกระแสเงินสดที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้หลังจากครบกำหนดผ่อนชำระรถส่วนหนึ่งมาใช้ในการลงทุน โดยตั้งแต่ปี 58 มีรถที่ผ่อนชำระหมดแล้ว 44 คัน และในปี 59-60 คาดว่าจะมีรถครบกำหนดผ่อนชำระอีกประมาณ 30 คัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อกระแสเงินสด