นายสุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) (CNT) เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจรายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 6.5 พันล้านบาท และบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมพิจารณาจ่ายปันผลงวดปี 59 หากว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/59 ออกมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) 4.53 พันล้านบาท และคาดว่า ณ สิ้นปีจะมี backlog อยู่ที่ 8 พันล้านบาท ซึ่งในเดือน ก.ย. นี้บริษัทเตรียมเซ็นรับงานก่อสร้างถนนมูลค่าราว 3 พันล้านบาท
ขณะที่บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจนถึงปี 60 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานภาครัฐที่กำลังจะทยอยออกมา และอยู่ระหว่างประมูลงานภาคเอกชนอีกราว 5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับงานเอกชนอย่างน้อยราว 2 พันล้านบาทที่จะทยอยรู้ผลการประมูลในช่วงที่เหลือของปีนี้
พร้อมกันนั้น บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่ได้ร่วมกับ บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมอีก 1 ราย ขณะที่งานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ยังอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรจากต่างประเทศ 1 ราย เพื่อเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปพันธมิตรทั้ง 2 รายภายในเดือน ก.ย. นี้
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6-8% หลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.22% สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 4.59% และในปี 60 เชื่อว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีกมาที่ระดับ 8-9% ใกล้เคียงกับระดับที่บริษัทเคยทำได้ในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่างานที่ออกมามากจะทำให้การแข่งขันต่ำลง และมีมาร์จิ้นสูงขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทยังบริหารจัดการต้นทุนได้ดีด้วย
"ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าสัดส่วนงานภาคเอกชนของเราสูงถึง 70-80% ซึ่งในช่วงที่ผ่านมางานภาครัฐฯแทบจะไม่ออกมาเลยทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาแข่งขันในตลาดเรามากขึ้นทำให้มาร์จิ้นต่ำลง แต่หลังจากที่งานภาครัฐฯเริ่มทยอยออกมาแล้ว รายใหญ่ก็จะกลับไปงานภาครัฐฯ และทำให้การแข่งขันในตลาดหลักของเราต่ำลงช่วยให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายสุรศักดิ์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ กล่าวถึงแผนขยายงานในประเทศเมียนมาร์ว่า ล่าสุดบริษัทได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อที่จะรับงานจากลูกค้าในประเทศไทยที่เข้าไปขยายธุรกิจ เช่น MAKRO และเครือซีพี หลังจากนั้นจะเริ่มรับงานจากภาคเอกชนมากขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาภายในปี 60