สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (22 - 26 สิงหาคม 2558) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 396,746.78 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 79,349.36 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 2% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 80% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 318,663 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 50,602 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,876 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ .8 ปี) LB206A (อายุ 3.8 ปี) และ LB466A (อายุ 29.8 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 13,694 ล้านบาท 9,485 ล้านบาท และ 6,645 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) รุ่น SCC16NA (A(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 755 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด รุ่น MPSC16OB (A+) มูลค่าการซื้อขาย 550 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) รุ่น CPALL16OB (A+(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 544 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาวอายุ 30 ปี ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 13 bps. จาก 2.69% มาอยู่ที่ 2.82% ซึ่งเป็นผลมาจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 30 ปี (LB466A) ในวันที่ 24 สิงหาคม โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพียง 0.74 เท่าของวงเงินประมูล เนื่องจากนักลงทุนอยู่ระหว่างการรอทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ของกระทรวงการคลัง ที่จะดำเนินการแลกเปลี่ยนในวันที่ 26 ส.ค. (Pricing Date) โดยอัตราผลตอบแทนสำหรับใช้คำนวณราคา Source Bond รุ่น LB176A อยู่ที่ 1.45% และอัตราผลตอบแทนสำหรับอ้างอิงในการทำ Book Building ของ Destination Bond รุ่น LB206A ที่ 1.70%, LB226A ที่ 1.78%, LB26DA ที่ 2.17%, LBA37DA ที่ 2.55% และ LB666A ที่ 3.218589% ซึ่งผลการทำธุรกรรม Bond Switching ดังกล่าวจะประกาศผลการจัดสรรพันธบัตรในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค. นี้ ด้านปัจจัยต่างประเทศ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาด 9 หมื่นล้านหยวนในวันที่ 25 ส.ค. ทำสถิติอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 14 โดยดำเนินการผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ระดับ 2.25% ทั้งนี้ตลาดติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ Jackson Hole Economic Symposium ในคืนวันศุกร์
สัปดาห์ที่ผ่านมา (22-26 สิงหาคม 59) มีกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 1,756 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 2,535 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) 3,967 ล้านบาทและเป็นตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) 3,188 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (22 - 26 ส.ค. 59) (15 - 19 ส.ค. 59) (%) (1 ม.ค. - 26 ส.ค. 59) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 396,746.78 406,689.84 -2.44% 15,070,496.65 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 79,349.36 81,337.97 -2.44% 95,990.42 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 112.09 112.3 -0.19% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price index) 107.45 107.51 -0.06% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (26 ส.ค. 59) 1.34 1.46 1.48 1.6 1.76 2.14 2.5 2.82 สัปดาห์ก่อนหน้า (19 ส.ค. 59) 1.33 1.46 1.48 1.61 1.75 2.13 2.47 2.69 เปลี่ยนแปลง (basis point) 1 0 0 -1 1 1 3 13