นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับลดลง หลังสภาพแวดล้อมยังไม่มีปัจจัยที่เป็นบวก โดยเฉพาะปัจจัยในประเทศที่ตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ที่ออกมาไม่ดีนัก ซึ่งเมื่อวานนี้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนี MPI เดือน ก.ค.59 อยู่ที่ 103.36 หดตัว 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะทำให้ Fund Flow เข้ามาในตลาดหุ้นไทยน้อยลง รวมถึงตลาดหุ้นไทยมีระดับ P/E ราว 17 เท่า ทำให้มองว่าดัชนีมีโอกาสที่จะปรับฐานได้มากกว่าการดีดตัวขึ้น โดย Fund Flow ที่ชะลอตัวลงจะเป็นปัจจัยหลักที่จะกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่ตลาดยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
โดยมองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,540 จุด และแนวต้านที่ 1,555 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ส.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,454.30 จุด ลดลง 48.69 จุด (-0.26%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,222.99 จุด ลดลง 9.34 จุด (-0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,176.12 จุด ลดลง 4.26 จุด (-0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 132.47 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.76 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 26.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 11.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.71 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 24.14 จุด
ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ส.ค.59) 1,546.13 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 735.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ส.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ส.ค.59) ปิดที่ 46.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 63 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ส.ค.59) ที่ 5.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.60 อ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนดอลล์แข็ง หนุนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย
- "แบงก์ชาติ"เตรียมเปิดสนามทดลอง "ฟินเทค"ก.ย.นี้ เผยอยู่ระหว่างกำหนดเกณฑ์ การเข้า-ออกในสนามทดลอง เบื้องต้นเปิดใช้ในวงจำกัดก่อน หวังเห็นผู้ประกอบการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ช่วยผู้บริโภคเข้าถึงบริการทางการเงินที่ง่ายขึ้น ย้ำต้องส่งเสริมความรู้เทคโนโลยีการเงินควบคู่ด้วย
- รมว.คมนาคม กล่าวปาฐกถาเรื่อง "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ" ว่า ในปี 2559 กระทรวงคมนาคมจะขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยคัดเลือกโครงการที่มีความพร้อมจากโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทก่อนหน้านี้ มาดำเนินการก่อน 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 ล้านล้านบาท พร้อมผลักดันปี 2561 เป็นปีที่มีการลงทุนมากที่สุด
- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกของไทยที่ติดลบต่อเนื่องย่อมส่งผลกระทบต่อการจ้างงานด้วย เนื่องจากเม็ดเงินรายได้ในระบบหายไป ซึ่งได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการที่อยู่ในเทียร์ 3 มีความน่าเป็นห่วงสุด เนื่องจากมีเงินทุนน้อย
- กรรมการธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า แม้ค่าเงินบาทจะผันผวนต่อเนื่องไปอีกนาน แต่ค่าเงินไม่ได้ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง เงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค เงินบาทแข็งค่าตั้งแต่ต้นปีประมาณ 4% แต่หากเทียบกับสกุลเงินอื่นโดยเฉพาะคู่แข่งในภูมิภาค พบว่าเงินบาทยังเกาะกลุ่มกับสกุลเงินอื่น โดยเฉพาะเงินเยน
- ครม.อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2560 วงเงินรวม 1.56 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการก่อหนี้ใหม่ 6.14 แสนล้านบาท หรือ 39.40% ของหนี้ทั้งหมด ที่เหลือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้และบริหารความเสี่ยง 9.46 แสนล้านบาท หรือ 60.60%
- นายกฯปัด"โอฬาร"นั่งรมช.เกษตรฯ แนะ เกษียณกลับไปเลี้ยงหลาน ระบุ ถาม "ธีรชัย-กัมปนาถ"แล้วไม่รับเก้าอี้รัฐมนตรี ขณะ"ฉัตรชัย"เผยเสนอหลายชื่อให้ตัดสินใจเลือกรมช.เกษตรฯ ด้านศาลรัฐธรรมนูญแจง ตีกลับร่างรธน. เหตุกรธ.ยื่นนอกเวลาราชการ-ไม่ลงลายมือชื่อผู้ร้อง ขณะที่กรธ.ยันไม่ปรับเนื้อหา คาดส่งศาลใหม่ได้วันนี้
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ผ่านการพิจารณารายละเอียดของคณะกรรมการกฤษฎีกาและผ่านความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกรอบแล้ว รอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาบังคับออกมาเป็นกฎหมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนอย่างมาก
- สศอ.เผยดัชนี MPI เดือนก.ค.59 ติดลบ 5.1% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี อยู่ที่ 103.36 จากช่วงเดียวกับปีก่อนอยู่ที่ 108.91 เนื่องจากรัฐบาลประกาศให้มีวันหยุดยาวหลายวัน และก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์มีการปรับรูปแบบรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมเร่งทำการตลาดทำให้กำลังซื้อรถยนต์เร่งตัวไปก่อนแล้ว รวมทั้งการส่งออกรถยนต์ไปตลาดตะวันออกกลางลดลงจากผลกระทบราคาน้ำมันระดับต่ำ ส่งผลให้เดือนกรกฎาคม ภาพรวมการผลิตรถยนต์ ลดลง 8.41%
- TM เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก หลังขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3 บาท โดยหุ้นบมจ.เทคโนเมดิคัล (TM) ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลือง รวมถึงเครื่องมือแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำเข้าโดยได้รับแต่งตั้งเป็น Exclusive Distributor จากผู้ผลิตจำนวน 26 ราย จาก 12 ประเทศ และยังได้ว่าจ้างผู้ผลิตให้ผลิตเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ TM Medipak, TM Stericap และ TM Tubing Pack
บล.โกลเบล็ก ซึ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนี้ ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ราว 4.87 บาทสำหรับปี 60 โดยประเมินรายได้ปี 59 จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 600 ล้านบาทเติบโต 18% YoY เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นขายสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจและเครื่องมือผ่าตัดทั่วไป และคาดกำไรปี 59 ราว 54 ล้านบาท เติบโต 87% สำหรับปี 60 คาดว่าจะมีรายได้ 760 ล้านบาทเติบโตอย่างต่อเนื่องจากสินค้าสำหรับการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ โดยคาดกำไรปี 60 จะเติบโตราว 27% เป็น 68 ล้านบาท
- BIG (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ" โดยคาดกำไรสุทธิ 2H59 จะเพิ่มขึ้นกว่า 33% เมื่อเทียบกับ 1H59 จาก 4 ปัจจัยหนุน คือ 1) เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจกล้องถ่ายรูป 2) มีการออกจำหน่ายกล้อง Model ใหม่จากค่ายผู้ผลิต อาทิ Fuji XA3, Fuji XA10, และ Olympus EPL8 และ 3) จัดงาน Camera fairs กระตุ้นยอดขาย อาทิ Big Pro Days ในสัปดาห์นี้ และ Photo Fairs ในปลายปีนี้ 4) Margin เพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนเท่าเดิม
- BA (ยูโอบี เคย์เฮียน) แนะ"ทยอยซื้อสะสม" โดยผลการดำเนินงานในช่วง 2Q59 นั้นออกมาขาดทุน เนื่องจากค่าใช้จ่ายพิเศษทางด้านภาษีซึ่งเป็น one-time expense ทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นยังขึ้นมาไม่มากหากเทียบกับหุ้นในกลุ่มการบิน ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงานปกติในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วง 1H59 จากการเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
- EGCO (เคจีไอฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 225 บาท ขณะที่การเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ โดยยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในอนาคต จากศักยภาพการขยายกิจการจะทำให้มี upside เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตเฟสใหมม่ในโครงการที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ โครงการ BLCP ,ขนอม และ SEG และยังมีแผนลงทุนระยะยาวที่พิจารณาโอกาสเข้าไปลงทุนในธุรกิจต้นน้ำ อย่างเหมืองถ่านหิน หรือ LNG อีกด้วย ขณะที่บริษัทจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับปี 59 ที่ 3.25 บาท/หุ้น โดยปันผลรอบนี้คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปีที่คาดไว้ระดับ 6.50 บาท/หุ้น และมองว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะจ่ายปันผลปีนี้มากกว่าที่คาดไว้ด้วย