นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดรายได้ปีนี้น่าจะทำได้ราว 4,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 4,337.41 ล้านบาท และกำไรสุทธิก็น่าจะลดลงตามรายได้ จากปีก่อนอยู่ที่ 662.46 ล้านบาท เป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ยังคงทรงตัว
แต่เชื่อว่าตลาดเฟอร์นิเจอร์ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ตามการลงทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดอัตรากำไรสุทธิน่าจะมากกว่า 5% หลังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และรักษาคุณภาพของสินค้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทวางแผนการเติบโตในอนาคต โดยได้มีการปรับแผนธุรกิจ เพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภท Healthcare ได้แก่เฟอร์นิเจอร์สำหรับโรงพยาบาล ,เครื่องมือที่ใช้ในโรงพยาบาล ,การก่อสร้างห้องผ่าตัด ขยายไลน์อุปกรณ์การแพทย์ขนาดเล็ก เช่น ปรอทวัดไข้ ,เครื่องวัดความดันโลหิต จากเดิมที่เน้นเครื่องมือแพทย์ขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มองโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจ Healthcare แบบครบวงจร เช่น การรักษาพยาบาล เป็นต้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายราย ในการหาแนวทางในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ โดยรูปแบบการลงทุนมีความเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุน และการซื้อกิจการ หรือการเข้าไปถือหุ้น
นอกจากนี้ ในการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจ Healthcare บริษัทฯคาดหวังสัดส่วนรายได้ในธุรกิจดังกล่าวจะมากกกว่า 50% ใน 2 ปีข้างหน้า (60-61) จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 10%
"เรามองว่าภายใน 5 ปี จากนี้ Modern จะต้องมีการขยายธุรกิจไปยัง Sector อื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และธุรกิจที่ได้รับความนิยม หรือเป็นเทรนของโลก เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว และมองการขยายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ขณะที่เราก็มีฐานการเงินแข็งแกร่ง จากหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 0.2 เท่า"นายทักษะ กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเข้าเซ็นสัญญากับพันธมิตรในประเทศกัมพูชาในเดือนก.ย.59 เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ภายในปีนี้ โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่ถึง 20% เบื้องต้นจะส่งสินค้าเฟอร์นิเจอร์เข้าไปจำหน่าย และน่าจะมีการลงทุนอื่นๆร่วมกันต่อไปในอนาคต
ขณะที่เตรียมเปิด Modernform Outlet 1 แห่ง บนเนื้อที่ 200 ไร่ ในจังหวัดปทุมธานี ภายในเดือนธ.ค.นี้ ใช้งบลงทุนทั้งหมด 200 ล้านบาท และบริษัทมีสัดส่วนถือหุ้นทั้งหมด 100%