ECF เจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าชีมวล-โซลาร์ฟาร์มทั้งใน-ตปท.หลายแห่งคาดชัดเจน Q3/59

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 2, 2016 12:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) กล่าวว่า บริษัทยังคงมองโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ได้รับเสนอขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขนาด 36 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรหลายรายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโซลาร์ฟาร์มคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/59 เพื่อให้ผลการดำนินงานในปี 60 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่น่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้า

"เรายังเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับพันธมิตร และร่วมกับบมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) ส่วนหนึ่งด้วย โดยจะเป็นโรงไฟฟ้พลังงานชีวมวล และโซลาร์ฟาร์ม ในขนาดเล็กและใหญ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยก็อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 3/59 ขณะที่ผลการดำนินงานในปีนี้เรายังมั่นใจรายได้จะเติบโตราว 12-15% และในปี 60 ก็น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น คาดว่ารายได้ก็น่าจะดีกว่าปีนี้ และกำไรสุทธิก็จะเติบโตก้าวกระโดด จากการรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรเข้ามาเพิ่ม"นายอารักษ์ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีการลงทุน ธุรกิจพลังงานทดแทน ภายใต้บริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ จำกัด (ECFH) บริษัทย่อยของ ECF ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าร์ฟาร์ม) ECF-Tornado Energy GK กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ ณ เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังคงมีการรับรู้กำไรจากโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ในปีนี้จะมีการเปิดสาขาในประเทศเพิ่มอีก 2-3 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวมที่ 100 สาขา และร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน (60 บาท) “Can Do" อีก 4 สาขา จากเดิมมีอยู่ที่ 6 สาขา

นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตราว 12-15% จากปีก่อนทำได้ 1,358 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่ 75.43 ล้านบาท โดยยังมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่มีสัดส่วน 95% ซึ่งจะเป็นการเติบโตทั้งยอดขายในประเทศและการส่งออกที่บริษัทมีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าออนไลน์ ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศอยู่ที่ 45% และส่งออกที่ 55%

ทั้งนี้ มองทิศทางตลาดเฟอร์นิเจอร์ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ตามนโยบายภาครัฐ มีการสนับสนุนภาคเกษตรกร ซึ่งน่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตขึ้นได้ โดยคาดแนวโน้มไตรมาส 3/59 กำไรสุทธิน่าจะดีกว่าไตรมาส 2/59 จากเข้าสู่ช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และไม่มีค่าใช้จ่ายในระดับสูงจากการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เหมือนในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ