นายไพฑูรย์ กำชัย เลขานุการบริษัท บมจ.เด็มโก (DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังมีโอกาสจะพลิกกลับมามีกำไร หากสามารถเจรจาเลื่อนงานซ่อมฐานกังหันลมโครงการห้วยบง 2 และ 3 ของบริษัท เฟิร์สโคราช วินด์ จำกัด (FKW) ส่วนหนึ่งไปเป็นช่วงครึ่งปีแรกของปี 60 จำนวน 26 ต้น เพื่อลดค่าเสียโอกาสในการผลิตกระแสไฟฟ้า จากปัจจุบันบริษัทได้ซ่อมฐานกังหันลมไปแล้ว 40 ต้น และเตรียมจะซ่อมอีก 15 ต้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
"แผนซ่อมฐานกังหันโครงการห้วยบงมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งในเฟสแรกเราได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว ผลการทำงานของกังหันเป็นปกติ โดยเราได้บันทึกค่าใช้จ่ายไปแล้ว ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ในส่วนที่เหลือที่จะเป็นผลกระทบที่จะทำให้ขาดทุนอีกก็เป็นเพียงค่าเสียโอกาสในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งถ้าหากบริหารจัดการได้ดี และเจรจาเลื่อนการซ่อมฐานกังหันลมไปเป็นปี 60 ได้บางส่วน ในช่วงครึ่งปีหลังเราก็จะเห็นงบออกมามีกำไรได้"นายไพฑูรย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณอาคารควบคุมสถานีไฟฟ้าห้วยบง 3 ทาง FKW ได้มีการทำประกันไว้แล้ว สำหรับความเสียหายมีไม่มากนัก คาดว่าการซ่อมแซมสถานีไฟฟ้าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พฤศจิกายน 2559
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะเติบโตได้ 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,207 ล้านบาท และมั่นใจว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ล่าสุด บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 6,400 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาอีก 700 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 60
ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังเตรียมพร้อมเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะเริ่มประมูลงานในพื้นที่ภาคใต้ตามแผนการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาทที่ กฟผ.จะใช้ปรับปรุงทั่วประเทศ แบ่งเป็นงานสายส่งภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือวงเงิน 60,000 ล้านบาท และในภาคใต้ 60,000 ล้านบาท โดยงานดังกล่าวจะเริ่มประกวดราคาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/59 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีรายได้จากงานรับเหมาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ขนาดกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ ได้จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ให้กับ กฟผ.แล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค.59 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 14.29% ในบริษัท เขาค้อวินด์พาวเวอร์ จะได้รับเงินปันผลจากโครงการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอทุกปี โดยจะสามารถรับรู้เงินปันผลจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เขาค้อเต็มปีในปี 60 เป็นเงินประมาณ 40 ล้านบาท/ปี
ด้านงานรับเหมาก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมโครงการหาดกังหัน ที่จังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ ของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) คาดว่าจะทะยอยก่อสร้างเสร็จและ COD ได้ภายในปลายปีนี้ตามแผนที่ EA วางไว้
ขณะที่ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมวะตะแบก ในจังหวัดชัยภูมิ ขนาดกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 4/59