นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ติดลบอันเนื่องมาจากปัญหาภายใน
ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับผลบวกจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ (ก.ย.) ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดกลับขึ้นมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลดีจากการปรับน้ำหนักลงทุนตามดัชนี FTSE คาดว่าจะมีเม็ดเงินทยอยไหลเข้ามาในตลาดฯ อีกประมาณ 956 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังในการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม
พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,516 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,535 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,491.96 จุด เพิ่มขึ้น 72.66 จุด (+0.39%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,249.90 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,179.98 จุด เพิ่มขึ้น 9.12 จุด (+0.42%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 205.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 309.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 24.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.48 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ย.59) 1,521.48 จุด ลดลง 18.23 จุด (-1.18%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 123.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.ย.59) ปิดที่ 44.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ หรือ 3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ย.59) ที่ 6.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.64 แนวโน้มอ่อนค่า หลังสหรัฐฯเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด
- กรมธุรกิจพลังงานเผยปั๊มแอลพีจีเดือน ก.ค.อยู่ที่ 2,079 แห่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียง 36 แห่งชี้ให้เห็นถึงอัตราการเติบโตที่เริ่มชะลอตัวลงมากคาดแนวโน้มจะลดลงแน่นอน ส่วนภาคขนส่งหันไปใช้น้ำมันแทนช่วงราคาต่ำและอนาคตหากมีรถไฟฟ้าจะไปทิศทางนี้เพิ่มขึ้น แถมจ้องรีดภาษีฯแอลพีจีขนส่งเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตรเพื่อให้เท่ากับผู้ใช้น้ำมัน
- นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่ม 20 (จี20) วาระที่ 1 หัวข้อ "การประสานนโยบายและแนวทางการพัฒนาใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ที่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่าในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเผชิญกับความท้าทายในหลากมิติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันมากขึ้น ด้วยการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือรูปแบบใหม่เพื่อเป็น "ยานยนต์แห่งศตวรรษที่ 21" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกสู่แนวทางการพัฒนาใหม่
- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเชื่อทั้งปีนี้จะโตได้มากกว่าเป้าที่คลังตั้งไว้ที่ 3.5% โดยจะเร่งการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่เหลือ 4 เดือนให้มากที่สุด ในส่วนภาครัฐไม่มีปัญหาเพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายของปีงบประมาณ 2559 ทั้งงบเหลื่อมปีให้เบิกจ่ายให้ได้สิ้นปี 2559 ส่วนงบปี 2560 ก็ให้เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทให้ได้ภายในสิ้นปี ส่วนงบจัดอบรมสัมมนาจะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 50% ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน
- ตลาดอสังหาริมทรัพย์แผ่ว อุปสงค์ยังชะลอ แต่เริ่มเห็นสัญญาณผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเดือนเดียวเพิ่มขึ้น 3,078 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 55.1% ขณะที่ยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ในกลุ่มนี้ลดลง 2,006 หน่วย หรือหดตัว 36.3% ด้าน ธปท.ระบุยังไม่น่าห่วง
*หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 19 บาท คาดกำไรปี 2016 ที่ 1,400-1,600 ล้านบาท โดยบริษัทยืนยันเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20-25% เป็น 1-1.1 หมื่นลบ. เนื่องจากเน้นสินค้าที่เป็น Innovation ทำให้ Demand สินค้าเพิ่มขึ้นมากโดยตั้งเป้า Gross Margin ระดับ 28-32% Net Margin ที่ราว 15% และโรงงานแห่งใหม่ EPP เฟส 2 พร้อมเดินเครื่องผลิตใน Q2/17 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งหากเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตจะสามารถเพิ่มยอดขายได้เป็น 4,000 ลบ./ปี
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 78 บาท แนวโน้ม 2H/59 ดีขึ้นโรงงานโอเลฟินส์กลับมาผลิตตามปกติ และคาดกลับมาเป็นตัวทำกำไรหลักอีกครั้ง หลังจากโรงงาน ethane cracker กำลังการผลิต 1 ล้านตัน จะกลับมาผลิตได้ 100% ในเดือน ส.ค.ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ล่าสุดราคา HDPE อยู่ที่ 1,165 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ พร้อมคาดปี 59 เติบโตดี และไม่มีผลขาดทุนมากจากสต็อกน้ำมันอีก คาดรายได้และกำไรสุทธิ 433,552 ล้านบาท และ 27,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และ 32% ตามลำดับ
- TWZ (เคจีไอ) เป้า 0.49 บาท คาดรับอานิสงส์เชิงบวก iPhone7 คือจะได้สินค้าตกรุ่น (เช่น iPhone6) มาทำโปรโมชั่นคู่กับการขายซิม AIS (TWZ ได้ทั้งการขายโทรศัพท์และค่าคอมฯการเปิดซิม) โดยล่าสุดฝ่ายวิจัยเคจีไอไต้หวันออกบทวิเคราะห์“Apple Insight"คาดผลตอบรับ iPhone7 ก.ย.นี้ไม่ดีเท่า iPhone6 หากเป็นจริง และราคา iPhone6 ลดลง จะเป็นบวกต่อ TWZ นอกจากนี้ คาดแนวโน้มกำไร Q3/59 เติบโตแบบ YoY และมีโอกาสโต QoQ จากรับรู้ The Wiz รัชดาฯ ยอดขาย 190 ล้านบาท หากสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 15% จะบันทึกกำไร 29 ล้านบาท
- KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"ราคาหุ้นยังขยับขึ้นต่อเนื่องและยังมี upside กว่า 20% จากราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 168 บาท จุดเด่นคือคุณภาพหนี้ที่ NPL ต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก ขณะที่กำรที่เราคาดการเติบโตได้ 15-20% ในช่วงปี 60-62 ยังมี upside จากสำรองฯที่ไม่จำเป็นต้องตั้งเพิ่มแล้วเพราะ Coverage ratio ที่สูงถึง 439% และค่าการตลาดที่มีโอกาสต่ำกว่าคาด