(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นฟื้นตัวหลัง Panic Sell แต่ปัจจัยในประเทศยังถ่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 6, 2016 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากวานนี้เกิด Panic Sell ทั้งที่นักลงทุนต่างชาติก็ยังคงซื้อสุทธิอยู่ เห็นแต่นักลงทุนสถาบันที่ขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ยังมีความคาดหวังว่าน่าจะมีเม็ดเงินจาก LTF เข้ามาซื้อบ้าง ซึ่งจะช่วยหนุนตลาดฯได้

อย่างไรก็ดี Valuation ของตลาดฯยังไม่ถูก ดังนั้นการฟื้นตัวก็อาจจะไม่ฟื้นตัวแรง นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลปัจจัยในประเทศด้วย อย่างตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ๆ จะเห็นได้ว่าต้นไตรมาส 3/59 ชะลอตัวทั้งการอุปโภคบริโภคภาคประชาชน, การใช้จ่ายของภาครัฐฯ เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงทำให้นักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไร โดยอาจจะไม่ขายจากตลาดหุ้นแต่ตลาดตราสารหนี้ก็รออยู่

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.2% พร้อมให้แนวรับ 1,484 จุด ซึ่งสามารถลงทุนระยะสั้น ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,507 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวานนี้ (5 ก.ย.59) เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 2.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 33.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.87 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.40 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.64 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.ย.59) 1,492.52 จุด ลดลง 28.96 จุด (-1.90%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,565.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.ย.59
  • ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ (5 ก.ย.59) เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.ย.59) ที่ 5.93 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.72/75 แนวโน้มยังอ่อนค่า รอดู sentiment ตลาดหุ้นวันนี้
  • ที่ประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ (จี20) ปิดฉากลงโดยออกแถลงการณ์ร่วมคัดค้านลัทธิปกป้องการค้า และเห็นชอบในการสนับสนุนการค้าเสรีเพื่อช่วยเศรษฐกิจโลก
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินว่าหลังจากมีเงินไหลเข้าประเทศไทยจำนวนมาก ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินของเวียดนามและจีนที่เป็นประเทศคู่แข่งการค้าที่สำคัญ ขณะที่ข้อมูลล่าสุดในเดือน ก.ค. การส่งออกของไทยติดลบ 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
  • ผู้ว่าการ ธปท.ย้ำปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจการเงินไทยมีลักษณะผันผวน ไม่แน่นอนและซับซ้อน การพัฒนาด้านเทคโนโลยีเป็นตัวเร่งสำคัญ เปรียบเศรษฐกิจการเงินไทยเป็นเรือที่ต้องเผชิญพายุ กระแสคลื่น คนไทยต้องปรับตัวรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ส่วนบทบาท ธปท.จะดูแลแรงปะทะและยกระดับเครื่องยนต์เรือไทย
  • ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เผยได้ข้อสรุปโครงการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่ต้องการขยายหรือปรับปรุงสถานที่รองรับนักท่องเที่ยว โดยร่วมกับสมาชิกสมาคมธนาคารไทยกำหนดเงื่อนไขการให้กู้ในแนวทางเดียวกันให้เหมาะสมกับความต้องการผู้ประกอบการโรงแรม โดยให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 80% ของเงินลงทุน และเป็นสินเชื่อระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี พร้อมทั้งเปิดให้มีระยะเวลาการเบิกใช้สินเชื่อ 1 ปี หลังจากได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เตรียมหารือร่วมกับภาครัฐอีกครั้ง ถึงความคืบหน้านโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการการลงทุนโครงการสร้างพื้นฐาน ต้องใช้ชิ้นส่วนประกอบการของผู้ผลิตในประเทศ เช่น ใช้เบาะรถไฟ ชิ้นส่วนตกแต่งภายในโบกี้รถไฟ ใช้ในรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า เนื่องจากขณะนี้เรื่องดังกล่าวเริ่มเงียบหายไป จึงต้องทวงถามอีกครั้งผ่านทางการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย ส.อ.ท.และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในเดือน ต.ค.นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SCB (ฟินันเซีย ไซรัส) ปรับไปใช้เป้าปีหน้า 190 บาท และยังคงเป็น Top Pick ของกลุ่ม เพราะ ROE ในปี 60-61 ที่ 14% ถือว่าดีที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งกลุ่ม สำหรับกำไรปี 59 แม้คาดโตเพียง 3% Y-Y แต่เป็นแบงก์เดียวที่มีกำไรเติบโต ส่วนปี 60 คาด +7% Y-Y โดยชอบ SCB ที่กระจายความเสี่ยงสินเชื่อไปในกลุ่มธุรกิจและรายย่อยได้เหมาะสม 60:40 คุณภาพสินเชื่อแข็งแกร่งขึ้นหลังผ่านเรื่อง SSI มาแล้ว และคาดการณ์เงินปันผล 3.7-4% ต่อปี
  • KCE (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ Q3/59 จะออกมามากที่สุดของปีจากช่วง high season เนื่องจากแนวโน้มคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากการลดราคาสินค้า ซึ่งจะไม่กระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นเนื่องจากประสิทธิภาพของเครื่องจักรในโรงงานใหม่ที่ดีขึ้นและผลแห่งการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
  • SCC (เคจีไอ) เป้า 635 บาท เป็นหุ้นที่แข็งกว่าตลาดคาดเป็นผลจากแรงซื้อ หลังดัชนี FTSE Asia Pacific Ex Japan เพิ่ม SCC เข้าคำนวณดัชนี (มีผล 16 ก.ย.นี้) และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (การลงทุนภาครัฐฯ) และ Spread ปิโตรเคมีที่ยังดีช่วยหนุนผลการดำเนินงานปีนี้และปีหน้า (คาดกำไรปี 59 +17.3% YoY เป็น 5.3 หมื่นล้านบาท EPS 44.37 บาท/หุ้น คิดเป็น PE เพียง 12 เท่า) ทางเทคนิคประเมินแนวรับ 530 บาท (Stop loss 522 บาท) และแนวต้าน 555 บาท
  • UNIQ (ไอร่า) เป้า 24.40 บาท ตั้งเป้ารายได้ในปี 59 ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ทำให้คาด 2H/59 โดดเด่นกว่า 1H/59 ส่วนหนึ่งจากความคืบหน้างานก่อสร้างภายใต้ Backlog เดิม และงานใหม่ช่วง 1Q/59 คาดความคืบหน้างานก่อสร้างจะดีขึ้นตามลำดับนับจาก 2H/59 เป็นต้นไป สอดคล้องคาดการณ์ทั้งปีนี้รายได้งานก่อสร้าง12,649 ล้านบาท และจะยังรักษาความสามารถทำกำไรที่ดี คาด Gross Profit Margin เฉลี่ย 18.50-19.00% ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายขายและบริหาร และดอกเบี้ยจ่าย 732 ล้านบาท และ 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และ 6% จากปี 58 ทำให้คาดกำไรสุทธิ 1,053 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 58 หรือคิดเป็น 0.97 บาท/หุ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ