โบรกฯ แนะ"ซื้อ"ERW กำไรมีทิศทางขาขึ้นต่อเนื่อง Q1/60 มุ่งขยาย budget hotel กระจายเสี่ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 6, 2016 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) มองทิศทางกำไรที่ยังเป็นขาขึ้นในลักษณะขั้นบันไดต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3/59 จนถึงไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นช่วง Peak Season หลังไตรมาส 2/59 พลิกเป็นกำไรได้ครั้งแรกในรอบ 2 ปี แม้เป็น low season ทำให้เห็นว่าจากนี้ไปจะไม่เห็นขาดทุนในช่วง Low Season อีกแล้ว

ขณะที่ ERW มุ่งสู่การขยายกลุ่มโรงแรมระดับ budget และ mid-scale เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยคาดกำไรปกติในปี 59-61 เติบโตถึงเฉลี่ย +38% CAGR ภายใต้แนวโน้มอุตฯท่องเที่ยวยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่การจัดตั้งกอง REIT กองใหม่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 60 เป็นปัจจัยหนุนสำคัญในการลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่มีสัดส่วนสูงมากของบริษัท

ราคาหุ้น ERW อยู่ที่ 4.72 บาท ลดลง 0.08 บาท (-1.67%) เมื่อเวลา 14.45 น.

          โบรกฯ                              คำแนะนำ       ราคาพื้นฐาน(บาท)
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)          ซื้อ          5.70
          บล.เอเซีย พลัส                          ซื้อ          5.80
          บล.ทิสโก้                               ซื้อ          6.22
          บล.เออีซี                               ซื้อ          6.60
          บล.ฟินันเซีย ไซรัส                        ซื้อ          6.00
          บล.บัวหลวง                             ซื้อเก็งกำไร   5.20
          บล.เคทีบี                               ซื้อ          5.40

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ"ซื้อ"หุ้น ERW โดยมองว่าไตรมาส 2/59 สามารถพลิกเป็นกำไรในไตรมาส 2 ครั้งแรกในรอบ 2 ปีตามคาด แม้ว่าเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ low season ขณะที่มีแรงเสริมการเติบโตในช่วงครึ่งหลังปี 59 เป็นต้นไปคือ โรงแรม Hop Inn ที่เกิดขึ้นถึง 4 แห่ง คือในไทย 3 แห่งและฟิลิปปินส์อีก 1 แห่ง

ทั้งนี้เชื่อว่าจากนี้ไปจะไม่เห็นขาดทุนในช่วง Low Season สำหรับ ERW อีกแล้ว เพราะปัจจุบันคุณภาพของกำไรมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 330 ล้านบาท เติบโต 67% เทียบกับปี 58 และปี 60 กำไรสุทธิ 445 ล้านบาท เติบโต 38% จากปี 59

"ในครึ่งหลังปีนี้การขยายโรงแรมเพิ่ม จะเป็นการเปิด Hop Inn เกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ 1 แห่ง และในประเทศไทย 3 แห่งก็จะช่วยเสริมรายได้ในอนาคต ที่ชอบเพราะไตรมาส 2 ปกติจะขาดทุน แต่ปีนี้สามารถกลับมาทำกำไรได้แม้จะเป็นช่วง low season แต่บริษัทก็สามารถกลับมาทำกำไรได้ทำให้เชื่อว่าจากนี้ไปไตรมาส 2 จะไม่ขาดทุนอีกแล้ว ก็จะเป็นกำไรต่อไปได้"นายสมบัติ กล่าว

น.ส.นวลพรรณ น้อยรัชชุกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 ของ ERW จะมีกำไรสูงกว่าไตรมาส 2/59 จากอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นอีก 8% สู่ 79% และน่าจะมีกำไรเพิ่มต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/59 และลากยาวไปจนถึงไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นช่วง Peak Season ของการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มสดใส

ทั้งนี้ ประมาณการกำไรปกติในปีนี้ที่ 342 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 73% และปี 60 กำไรปกติจะเพิ่มเป็น 452 ล้านบาท ซึ่งยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

ส่วนการขยายโรงแรมจากนี้ไปจะเน้นระดับกลุ่ม Budget (Hop INN) ปีนี้เปิด 8 แห่ง และจะเปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 60 แม้ว่าขนาดโรงแรมอาจจะเล็ก รายได้ยังไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการมากนัก แต่ในแง่ของแผนการขยายต่อเนื่องยังสามารถสร้าง Earning ที่ดี มี momentum ที่ดีต่อเนื่อง จะเห็นจากไตรมาส 2 /59 มีกำไรในแง่ของการดำเนินการ และไตรมาส 3/59 กำไรก็จะดีขึ้น ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/59 และไตรมาส 1/60 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น เชื่อว่าจะเห็น Earning ขยายตัวดี

"ยังมั่นใจไตรมาส 3/59 จะมีกำไรเพิ่มต่อเนื่องจากไตรมาส 2/59 และลากยาวไปจนถึงไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นช่วง Peak Season ท่องเที่ยว"น.ส.นวลพรรณกล่าว

ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/59 ของ ERW ที่ 17 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในไตรมาส 2/58 ที่ 25 ล้านบาท ถือว่าเป็นไตรมาสที่ 2 ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 51 ได้รับแรงผลักดันจากการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย โดยคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 ยังมีกำไรต่อเนื่อง เบื้องต้นประเมินกำไรปกติที่ราว 10-20 ล้านบาท ผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าห้องพักในโรงแรมทุกระดับต่อเนื่อง รวมถึงการกลับมาเติบโตของรายได้ F&B

ผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในภาคใต้จำกัด โดย ERW ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนเพียงโรงแรม IBIS หัวหินที่เดียว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1.5% ของรายได้รวม ในขณะที่โรงแรมอื่นไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังคงคาดการณ์กำไรปกติในปี 59 ที่ 351 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 77% จากปีก่อน และคาดกำไรปกติใน 59-61 เติบโตถึง 38% CAGR และยังคงเป็น Top pick

ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง มองกำไร ERW ไตรมาส 3/59 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/59 ที่พลิกฟื้นเป็นกำไรถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 51 ที่ ERW รายงานผลกำไรหลักในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ซึ่งถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น การกลับตัวของกำไรหลักดังกล่าวมาจากรายได้ของธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 2% YoY มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท) และอัตรากำไรหลักที่ขยายตัว (อยู่ที่ 0.1% ในไตรมาส 2/59) จำนวนห้องเพิ่มขึ้น 13% YoY หักกลบรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ลดลง 5% YoY (อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 78% ในไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้น 5% YoY

แต่ราคาห้องเฉลี่ยลดลง 12% YoY จากการปรับสัดส่วนรายได้จากค่าห้องและธุรกิจอาหารเครื่องดื่มสำหรับโรงแรมแรมในระดับราคาถูก) รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเติบโต YoY เพิ่มขึ้น 4% สำหรับโรงแรมหรู,เพิ่มขึ้น 5% สำหรับระดับกลางและเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 33% สำหรับระดับราคาถูก สำหรับ QoQ กำไรลดลง 20% จากรายได้ธุรกิจโรงแรมที่ลดลงและอัตรากำไรที่บางลงจากการเป็นช่วงโลว์ซีซั่น อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิสูงขึ้นเล็กน้อยจาก 1.5 เท่า ณ สิ้นเดือน มี.ค.เป็น 1.6 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย.

สำหรับไตรมาส 3/59 ERW จะรายงานกำไรแม้จะยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยกำไรหลักจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3/58 ซึ่งมีผลขาดทุนถึง 20 ล้านบาท (จากเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม 17 ส.ค.58) โดยในไตรมาส 3/59 รายได้จากธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดด 18% YoY ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนห้อง 11% (ที่ 5,984 ห้อง) และอัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่ง 79% เพิ่มขึ้น 8% YoY รายได้ค่าห้องเฉลี่ยคาดลดลงเล็กน้อย YoY จากราคาห้องที่ลดลงจากการเพิ่มส่วนผสมการขายของโรงแรมระดับกลางและระดับราคาถูก อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าห้องเฉลี่ยของโรงแรมเดิมคาดขยายตัว YoY ในไตรมาส 3/59

กำไรหลักในครึ่งปีแรก คิดเป็น 56% ของประมาณการปี 59 และ 54% ของที่ประมาณการตลาด และยังคงไม่เปลี่ยนแปลงประมาณการกำไรหลักเติบโต 71% ในปี 59 โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรหลักอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังถึง 76% YoY

ส่วน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 59 ของ ERW พลิกฟื้นโดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมาสร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ยังมองการจัดตั้ง REIT (คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 60) เป็นปัจจัยหนุนสำคัญในการลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่มีสัดส่วนสูงมากของบริษัท เตรียมปรับประมาณการขึ้นจากการปรับใช้ผลการดำเนินงานปี 60 ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ