นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะแกว่งในกรอบแคบ ๆ ตามตลาดต่างประเทศและขาดแรงส่งในทางบวกที่มีผลต่อตลาดมากขณะที่แรงขายทำกำไรและลดความเสี่ยงของนักลงทุนจะยังมีอยู่ จากการที่นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังติดตามทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯว่าจะคาดการณ์กันอย่างไร บรรยากาศการลงทุนจึงไม่คึกคักมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การรายงานตัวเลข ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ที่ออกมาอยู่ที่ 51.4 ในเดือน สค.ลดลงจากเดือนก่อนที่ 55.0 และต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 55.0 เช่นกัน แม้จะทำให้โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. ของสหรัฐฯ ลดลงจาก 32% เป็น 24% แต่ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย รวมถึงค่าดอลลล่าร์ที่ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน
ด้านราคาน้ำมันดิบกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันหารือในเบื้องต้นที่น่าจะออกมาในทางที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน แต่เป็นข่าวที่ตลาดรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว
ปัจจัยต่างประเทศวันนี้จึงมองว่าทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯยังเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด ส่งผลต่อแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ มีแนวโน้มที่จะชะลอลงในช่วงนี้ อีกทั้งวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) จะมีทั้งการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายการตัวเลขส่งออกของจีน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นด้วย
สำหรับปัจจัยในประเทศนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นหลังขายไปอย่างหนักวันก่อน แต่นักลงทุนต่างประเทศที่พลิกมาขายหุ้นไทย 821 ล้านบาท รวมถึงขายในตลาดพันธบัตรด้วย อาจเป็นปัจจัยถ่วงตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงผลักดันของภาครัฐ การประชุม ครม.วานนี้ มีทั้งโครงการรถไฟฟ้า (สีทอง) และโครงการด้าน ICT ถือเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังดีอยู่
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจากทิศทางตลาดหุ้นไทยที่มีความไม่แน่นอนว่าจะไปในทางใด เพราะขาดแรงกระตุ้นใหม่ ๆ จึงยังแนะนำให้ลดพอร์ตในหุ้นขนาดใหญ่ที่ขาดปัจจัยบวกสนับสนุน และกรอบเวลาการลงทุนยังควรเป็นเน้นเล่นสั้น ไปก่อน หุ้นที่ยังแนะนำ ได้แก่ BANPU, DIF, PLAT, HMPRO มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,480-1,510 จุด