นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.บากกอกชีทเม็ททัล (BM) กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้อาจจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แต่ไม่ถึงแป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโตราว 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 806 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีรายได้แล้ว 384.01 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องจากปลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าครึ่งปีหลังผลงานน่าจะฟื้นตัวขึ้นมาดีกว่าครึ่งปีแรก ตามความต้องการผลิตภัณฑ์เหล็กแปรรูปเพิ่มขึ้นทั้งในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและภาคเกษตรกรรม
"ปีนี้เราคาดรายได้น่าจะโตไม่น้อยกว่า 10% แต่คงไม่ถึง 20% ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เป็นไปตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่อัตรากำไรสุทธิน่าจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 8.40% และครึ่งปีแรกที่ 6.20% จากการที่เราเพิ่มเครื่องจักร เปลี่ยนไลน์การผลิตบางอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงจะมุ่งเน้นผลิตสินค้าในแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น"นายธีรวัต กล่าว
นายธีรวัต กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 60 จะกลับมาเติบโตราว 20% เป็นไปตามแนวโน้มคำสั่งซื้อสินค้าทั้งในกลุ่มชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ , เครื่องจักรกลการเกษตร ,ตู้ไฟฟ้า ตู้สื่อสาร ตู้โลหะพิเศษ ที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนของภาครัฐ ขณะที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเข้ามาอีก เช่น กลุ่มสินค้าโต๊ะที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า เป็นต้น
อีกทั้งจากการที่บริษัทจับมือกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ Nitto kogyo ในการผลิตตู้ไฟฟ้าส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% ในปีหน้า จากปัจจุบันมียอดขายไม่ถึง 1 ล้านบาท
นายธีรวัต กล่าวอีกว่า บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตและขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่ทอยอยเพิ่มเข้ามามากขึ้น โดยปรับปรุงพื้นที่โรงงานเดิมเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารขนาดเล็กจำนวน 2 ชั้นสำหรับเป็นสถานที่เก็บสินค้าคงเหลือ และสถานที่จัดส่งสินค้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นไตรมาส 4/59 และการขยายอาคารโรงงานแห่งใหม่หลังที่หนึ่งที่เริ่มใช้งานไปตั้งแต่ไตรมาส 3/58 คาดว่าจะเริ่มผลิตได้เต็มที่ภายในไตรมาสนี้
นอกจากนี้ การลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมคาดว่าจะเริ่มการผลิตอย่างเต็มที่ภายในไตรมาส 1/60 และการขยายอาคารโรงงานแห่งใหม่ หลังที่ 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4/59 จะสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป
นายธีรวัต กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศเมียนมาในกลุ่มงานรับเหมาหลายรายเพื่อร่วมมือกันตั้งโรงงานผลิตสินค้าและจำหน่ายในเมียนมา แต่ยังไม่สามารถสรุปความชัดเจนในเร็วๆนี้ ซึ่งบริษัทฯถือว่ามีความพร้อมอย่างมาก หากสามารถสรุปได้ก็จะเริ่มลงทุนทันที โดยมองตลาดเมียนมามีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ จากจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกับไทย และรูปแบบการปกครองที่นานาชาติให้การยอมรับ ปัจจุบัน บริษัทฯมีการส่งออกสินค้าโดยตรงไปยังเมียนมาแต่ทำรายได้เพียง 1-2 ล้านบาท