นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า มีโอกาสที่ดัชนีจะยังคงลักษณะของการผันผวนโดยยังมีโอกาสที่จะปิดลดลงจากวันก่อน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,480–1,503 จุด ซึ่งตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือ ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นที่ปรับจาก 0.2% เป็น 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขส่งออกของจีนและการคาดการณ์ผลประชุม ECB ที่ KTBST ประเมินว่าจะคงเงิน QE และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่อาจขยายเวลาการซื้อ Bond ที่จะหมด มี.ค.ปีหน้าออกไป
การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบสนองในทางบวกต่อรายงานภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ที่ออกมาดี และมีคาดการณ์ออกมาว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีโอกาสน้อยที่จะปรับขึ้นในการประชุม 20-21 ก.ย. จึงเป็นสัญญาณว่านักลงทุนยังคงรอคอยการประชุมหรือรอปัจจัยบวกใหม่ๆ ขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์ก็ทรงตัว และราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นจากมุมมองในทางบวกต่อการประชุมของผู้ผลิตน้ำมันที่คาดจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผลิตน้ำมัน-โรงกลั่นน้ำมัน และเศรษฐกิจประเทศที่มีสัดส่วนของสินค้าในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ดังนั้น จึงมองว่าปัจจัยต่างประเทศวันนี้ เป็นบวกเฉพาะส่วนของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่แรงซื้อที่เข้าในตลาดหุ้นที่ยังชะลอตัวลงจะเป็นตัวถ่วงตลาดหุ้น โดยปัจจัยในประเทศนั้นแม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดแต่การที่ตลาดผันผวนสูงตลอดทั้งวันและนักลงทุนเล่นสั้นๆกันมากว่า ทั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยกระตุ้นที่ใหม่ๆ ต่อตลาด หลังจากผ่านช่วงการขึ้น XD ของหุ้นหลายๆตัวไปแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่เข้ามาเล่นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ แบบ Trading ทำให้ดัชนีฯที่จะบวกและลบพอๆกัน ยังแนะนำให้ลดพอร์ตหุ้นที่ขาดปัจจัยบวกสนับสนุน และกรอบเวลาการลงทุนยังควรเป็นเล่นสั้นๆ หุ้นที่มองว่าน่าสนใจในวันนี้ ได้แก่ DIF , ROBINS,CPF