UWC มั่นใจปีนี้รายได้โตเท่าตัว-เริ่มพลิกเป็นกำไรตั้งแต่ Q4/59-เจรจาซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 8, 2016 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรชัย ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจและกิจการองค์กร บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตเป็นเท่าตัว หลังจากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 610.83 ล้านบาท เกือบเท่าทั้งปี 58 ที่มีรายได้ 644.73 ล้านบาท และเชื่อว่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป หลังจากขาดทุนต่อเนื่องทั้งในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้

เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.นครราชสีมา (UWC Komen Biomass) ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มที่ ในอัตราการรับรู้ไฟฟ้ารูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้รวมปรับเพิ่มขึ้นราว 30% หรือคิดเป็นรายได้ที่จะได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าวประมาณ 270-280 ล้านบาท

ส่วน โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.บุรีรัมย์ (UWC Amphan Biomass) ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล สตึก จ.บุรีรัมย์ (Satuek Biomass) ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ได้ในไตรมาส 4/59 และจะรับรู้รายได้เข้ามารวมราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในปีนี้อยู่ที่ 27 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 2 แห่ง ขนาด 9.9 เมกะวัตต์/แห่ง คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายใน 2 เดือนนี้ โดยโรงไฟฟ้า 1 ใน 2 แห่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที เนื่องจาก COD ไปแล้ว ขณะที่อีกแห่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าน่าจะเริ่มรับรู้รายได้ช่วงกลางปีหน้า

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 60 ที่ระดับ 185 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม และการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะพิจารณาโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตแล้ว โดยวางงบลงทุนไว้ราว 100-150 ล้านบาท/แห่ง ขณะที่ปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.7 เท่า

"เรามั่นใจว่ารายได้จะเติบโตเป็นเท่าตัว จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟไฟ้าที่โคราชเข้ามาเต็มปี และยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าที่บุรีรัมย์ ที่จะสามารถ COD ได้ในไตรมาสสุดท้ายเข้ามาเพิ่มอีก ก็น่าจะส่งผลดีต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่เราก็มีการเข้าประมูลงานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ในช่วงที่เหลือของปีอีกด้วย ซึ่งมองว่าสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากพลังงาน 35% และเสาส่ง 65% จากปีก่อนอยู่ที่ 5% และ 95% ตามลำดับ"นายธีรชัย กล่าว

นายธีรชัย กล่าวว่า ส่วนธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage Transmission Tower) และเสาเทเลคอม (Telecom Tower) ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือเฉพาะงานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง และสถานีย่อย (Substation) อยู่ที่ 263 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ขณะที่งานเสาเทเลคอม ก็น่าจะมีงานออกมามากขึ้น ตามการลงทุนในเรื่องของ 4G ที่น่าจะมีออกมารองรับไปจนถึง 2 ปีข้างหน้า

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงของภาครัฐเพิ่มเติมอีก มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 14,000 ต้น ,งานเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 12,000 ต้น และเชื่อว่างานดังกล่าวจะทยอยออกมาอีกจำนวน 2 โครงการ ไปจนถึงสิ้นปี บริษัทฯก็คาดว่าจะสามารถได้รับงานอย่างน้อย 25% ของมูลค่าทั้งหมด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ