นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงปีก่อนจากปีก่อนอยู่ที่ 6,356.77 ล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากปีก่อนอยู่ที่ 812.74 ล้านบาท เป็นไปตามตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศที่อยู่ในระดับทรงตัว รวมถึงในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯมีการปรับไซต์ของผลิตภัณฑ์ให้มีขนาดเล็กลง ส่งผลต่อราคาขายปรับตัวลงตาม ทำให้กำไรในครึ่งปีแรกหดตัวราว 4-5%
ทั้งนี้ในไตรมาส 3/59 บริษัทฯได้มีการปรับสัดส่วนโครงสร้างราคาขายในส่วนของการขายส่งเพิ่มขึ้น แต่ราคาขายปลีกยังคงเดิม ทำให้กำไรในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น หรือกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในอดีตได้ ขณะที่ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะออกสินค้าใหม่ออกวางตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในหมวดอิชอตัน ชาเขียว เย็น เย็น และไบเล่ รวมถึงสินค้ากลุ่มอื่นๆที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเพิ่มรายได้ วางงบด้านการตลาดไว้ที่ 14-15% ของยอดขายรวม
สำหรับสินค้าใหม่ที่จะออกสู่ตลาด คือ อิชิตัน ชิว ชิว ชาผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว กลิ่นสตรอเบอร์รี่ และองุ่นเคียวโฮ ซึ่งเน้นจับกลุ่มตลาดวัยรุ่นในช่วงอายุ 12-25 ปี ที่ชอบประสบการณ์แปลกใหม่ คาดว่า อิชิตัน ชิวชิว จะสร้างยอดขายได้ 250 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง ผลักดันให้ไตรมาสสุดท้ายของปี 59 จะมีอัตราเติบโตประมาณ 10%
ขณะที่สินค้าภายใต้แบรนด์ “ไบเล่" นอกจาก ไบเล่รสส้ม 10% แบบดั้งเดิมที่ เจาะกลุ่มตลาด ซุปเปอร์อีโคโนมี่แล้ว ยังเพิ่มเซ็กเม้นต์ใหม่ โดยส่งน้ำผลไม้ 100% “ไบเล่ ฟรุต ครีเอชั่น" 3 รสชาติ คือ น้ำส้มผสมน้ำมะม่วง น้ำส้มผสมน้ำแค รอท และน้ำส้มผสมน้ำมะเขือเทศ ออกมาถึง 2 ไซส์ คือ 1 ลิตร ราคา 69 บาท และ 230 มล. ราคา 20 บาท เพื่อจับตลาดกลุ่มน้ำผลไม้พรีเมี่ยม เหมาะสำหรับผู้ ที่รักสุขภาพ แต่ยังชื่นชอบรสชาติที่อร่อย อีกทั้งยัง เตรียม “ไบเล่ ฟรุต ทู โก" น้ำผลไม้เนื้อเยลลี่มี 3 รสชาติ ส้ม องุ่น ลิ้นจี่ ไซส์ 150 มล. ราคา 10 บาท เจาะตลาด Urban Mainstream ที่มีไลฟ์สไตล์ตามเทรนด์วัยรุ่นช่วงอายุ 18 – 25 ปี
แบรนด์ “เย็นเย็น" ได้ส่ง “เย็นเย็น โกลด์" น้ำจับเลี้ยงเข้มข้นด้วยสมุนไพร 11 ชนิด และน้ำผึ้งขนาด 555 มล. ราคา 20 บาท เข้าเจาะกลุ่มตลาดพรีเมี่ยม เพื่อทำให้พอร์ตสินค้าของอิชิตันครอบคลุม ลูกค้าทุกกลุ่ม อย่างชัดเจน ตั้งแต่กลุ่มรักสุขภาพ กลุ่มชื่นชอบรส ชาติ และกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น
นอกจากนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดส่งออกสินค้ากลุ่มชาในปี 60 เพิ่มเป็น 4% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.1% โดยอยู่ระหว่างหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา รวมถึงฟิลิปปินส์ จากเดิมมีการส่งออกไปประเทศอินโดนีเซียเพียงแห่งเดียว ซึ่งในอินโดนีเซีย มียอดขายต่อปีราว 240 ล้านบาท
และบริษัทอยู่ระหว่างนำสินค้าแบรนด์ เย็น เย็น เข้าไปวางตลาดเพิ่มอีก คาดว่าจะเริ่มวางได้ในเดือนต.ค.นี้ และหากยอดขายในอินโดนีเซียแตะ 1,000 ล้านบาท บริษัทฯก็จะมีการพิจารณาลงทุนในการก่อสร้างโรงงานผลิต จากปัจจุบันมีที่ดินรองรับแล้ว
นอกจากนั้น บริษทยังจับมือกับพันธมิตรทางการค้า เพื่อรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ส่งออกน้ำมะพร้าวไปยังสหรัฐฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มส่งออกสินค้าดังกล่าวได้ในไตรมาส 1/60 ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อรายได้และกำไรในปีหน้าปรับตัวดีขึ้น คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 60 จะกลับมาสู่ในระดับที่ 38% ใกล้เคียงเดิม
"มองภาพตลาดรวมค่อนข้างนิ่ง ซึ่งเราก็มีการออกสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มยอดขาย เช่น ชาเขียวก็มีการใส่วุ้นมะพร้าวลงไป และปรับขนาดขวดให้เล็กลง มาขายในราคา 10 บาท เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดี คาดว่ารายได้ในปีนี้ก็น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่เชื่อว่าในปี 60 รายได้และกำไรสุทธิน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากที่เราจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออก ที่น่าจะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดกำลังการผลิตปีนี้จะอยู่ที่ 55-60%"นายตัน กล่าว