ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 500 ลบ. ANAN ที่ระดับ “BBB/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 8, 2016 14:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทของ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ที่ระดับ “BBB" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB" และอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) ที่ระดับ “BB+" โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้นจากฐานรายได้ที่ใหญ่ขึ้นและสัดส่วนของโครงการบ้านจัดสรรที่มากขึ้น รวมถึงความคาดหมายว่าส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดคอนโดมิเนียมและผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเน้นการพัฒนาในตลาดคอนโดมิเนียมและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงยังเป็นปัจจัยที่น่ากังวล ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในระดับ 10,000-13,000 ล้านบาทต่อปี และคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วให้ไม่เกินกว่า 66% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ระดับต่ำกว่า 2 เท่าเอาไว้ได้

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานและ/หรือฐานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงเกินกว่า 66% ในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตได้ ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบันโดยสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วให้อยู่ต่ำกว่า 60% ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็จะส่งผลดีต่ออันดับเครดิตของบริษัท

ANAN ประกอบธุรกิจพัฒนาและขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ บริษัทก่อตั้งในปี 2542 โดยตระกูลเรืองกฤตยาและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2555 ณ เดือนสิงหาคม 2559 นายชานนท์ เรืองกฤตยาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 50.1% ของหุ้นทั้งหมด

สถานะความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทเริ่มปรับดีขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทั้งในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทเองและจากกิจการร่วมค้า โดยรายได้จากโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้นจากประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2554-2555 เป็นประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2558 ในขณะที่กิจการร่วมค้ากับ SEA Investment Five Pte. Ltd. (SEAI5) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Mitsui Fudosan Group ในสัดส่วน 51:49 เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมนั้นจะเริ่มรับรู้กำไรตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ณ เดือนมิถุนายน 2559 บริษัทมีมูลค่าโครงการภายใต้สัญญาร่วมทุนประมาณ 46,000 ล้านบาท การพัฒนาโครงการในลักษณะของกิจการร่วมค้านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายธุรกิจแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจและการเงินของบริษัทลงส่วนหนึ่งด้วย

รายได้ของบริษัทในช่วงปี 2556-2558 อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปีซึ่งเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ รายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 5,364 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-13,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังคาดว่าสัดส่วนของรายได้จากการบริหารโครงการและค่านายหน้าจากโครงการร่วมทุนจะเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป

อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (ซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 16% ในช่วงปี 2555 ถึง 2556 และเป็น 19% ในช่วงปี 2557 ถึง 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตรากำไรที่เพิ่มมากขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 14% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ที่ประมาณ 15% เอาไว้ได้ ในขณะที่คาดว่าอัตราส่วนกำไรสุทธิจะดีขึ้นจากการที่บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าตั้งแต่กลางปี 2559

อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท (รวมรายการปรับปรุงด้วยเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วนและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) อยู่ที่ 61% ณ เดือนมิถุนายน 2559 และ 60% ณ เดือนธันวาคม 2558 ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในอีก 3 ปีข้างหน้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากแผนการขยายธุรกิจทั้งในโครงการของบริษัทเองและโครงการร่วมทุน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ควรสูงเกินกว่า 66% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า บริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่ยอมรับได้ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมูลค่า 2,395 ล้านบาท 4,000 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาทของบริษัทจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2559 2560 และ 2561 ตามลำดับ ในขณะที่สภาพคล่องของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 ประกอบด้วยเงินสดมูลค่า 2,800 ล้านบาทและวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกมูลค่า 4,300 ล้านบาท รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ