โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เป็นหนึ่งในกลุ่มการบินที่คาดการณ์ผลกำไรเติบโตได้ดีในปีนี้ โดยกำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ในช่วง 1,894-2,201 ล้านบาท เติบโตจากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 1,078 ล้านบาท เป็นผลจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และต้นทุนน้ำมันลดลง โดยบริษัทฯทำเฮจจิ้งกว่า 70% ทำให้ไม่ต้องรับผลกระทบราคาน้ำมันผันผวน
นอกจากนี้ ยังน่าจะได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น เพราะมีเที่ยวบินถึง 87 เที่ยวต่อสัปดาห์ที่ทำการบินไปยัง 11 เมืองใหญ่ของจีน และ AAV ยังมี upside จาก synergies ที่จะเกิดจากการผนึกธุรกิจกับ King Power Group หลังจากเข้ามาซื้อหุ้นใหญ่ใน AAV อีกด้วย
ในปีนี้ AAV มีกำหนดรับมอบเครื่องบินใหม่ 6 ลำเพิ่มจากแผนเดิม ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังจะรับเครื่องบินเข้ามา 2 ลำ ถึงสิ้นปี 59 ก็จะมีฝูงงบิน 51 ลำ นอกจากนี้ AAV ยังขยายเส้นทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตั้งเป้าหมายจำนวยผู้โดยสารในปีนี้ที่ 17 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่แล้วที่มีจำนวนผู้โดยสาร 14.85 ล้านบาท อัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ปีนี้ตั้งเป้าไว้กว่า 80%
อย่างไรก็ดี ธุรกิจการบินในปัจจุบันมีการแข่งขันที่รุนแรง แม้ว่า AAV จะเป็นเจ้าใหญ่ในกลุ่ม Low Cost แต่ตอนนี้คู่แข่งอย่าง"ไลออนซ์แอร์"ก็สามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้ดี
หุ้น AAV อยู่ที่ 7.00 บาท เมื่อเวลา 16.09 น.ลดลง 0.30 บาท (-4.11%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) กรุงศรี ซื้อ 9.00 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 8.38 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 8.15 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 8.30 พัฒนสิน NEUTRAL 7.30 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 7.30 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 ของ AAV คาดว่าจะออกมาดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารยังเติบโตได้ค่อนข้างดี ไม่แตกต่างจากไตรมาส 2/59 ที่มีอัตราการโต 17-18% ทั้งที่ปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยวเพราะเข้าสู่ฤดูฝน ทั้งนี้ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารของ AAV ทั้งปีนี้ว้ที่ 17 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14.5% จากจำนวนผู้โดยสารของปีที่ผ่านมามีจำนวน 14.85 คน โดยช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนผู้โดยสาร 8.53 ล้านคน นอกจากนี้ อัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ในไตรมาส 3/59 คาดว่าจะทำได้ดีกว่าไตรมาส 3/58 ที่ทำได้ 81% เห็นได้จากเดือน ก.ค.59 มี Load Factor ราว 86% และในเดือน ส.ค.59 ทำได้ 87% "ไม่เพียงแต่ AAV เท่านั้นที่มองว่าผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 จะออกมาดี แต่ยังหมายรวมถึงบริษัทฯในกลุ่มการบินโดยส่วนใหญ่ ที่น่าจะมีผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 ออกมาดีกว่าไตรมาส 3/58"นายสยาม กล่าว พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 ไว้ที่ 2,201 ล้านบาท เติบโตราว 100% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,078 ล้านบาท เป็นผลจากจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตค่อนข้างดี และต้นทุนจากน้ำมันต่ำกว่าปีก่อน โดยบริษัทฯได้ทำเฮจจิ้งไปแล้ว 73% ทำให้ไม่ต้องรับผลกระทบอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันผันผวน ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานของ AAV จึงน่าจะยังออกมาดีอยู่ ด้านนายอำนาจ โงสว่าง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้เหตุผลที่แนะ"ซื้อ"หุ้น AAV มองจากผลกำไรที่มีการเติบโตที่ดี และยังมีโอกาสมีความร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่ม King Power ที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ด้วย ขณะที่ปีนี้ AAV จะรับเครื่องบินใหม่ 6 ลำ เพิ่มจากแผนเดิมที่จะรับมอบ 5 ลำ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังมีเครื่องบินใหม่เข้ามา 2 ลำ ถึงสิ้นปี 59 AAV ก็จะมีเครื่องบิน 51 ลำในฝูงบิน นอกจากนี้ AAV ยังมีการขยายเส้นทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งอินเดีย, จีน, เวียงจันทร์ ซึ่งเที่ยวบินที่มาจากจีนก็จะมีสัดส่วน 20% สำหรับเป้าหมายผู้โดยสารของ AAV ในปีนี้ตั้งไว้ 17 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่แล้วที่มีจำนวนผู้โดยสาร 14.85 ล้านบาท อัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 83% ในครึ่งปีแรกทำได้ 85% พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 ของ AAV ไว้ที่ 1,894 ล้านบาท เติบโต 76% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,078 ล้านบาท มาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และยังต้นทุนน้ำมันที่คาดว่าจะลดลง โดยในครึ่งปีหลัง AAV ไว้ทำเฮจจิ้งไว้มากกว่า 70% จึงทำให้ไม่ต้องรับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี ธุรกิจการบินในปัจจุบันมีการแข่งขันที่รุนแรง แม้ว่า AAV จะเป็นเจ้าใหญ่ในกลุ่ม Low Cost แต่ตอนนี้คู่แข่งอย่าง"ไลออนแอร์"ก็สามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้ดี ส่วน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น AAV โดยมองว่าจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น โดยกำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งที่สุด (43% CAGR) ในช่วงปี 58-61 เมื่อเทียบกับสายการบินในภูมิภาคที่คาดว่าจะโตเฉลี่ยแค่ 29% ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นจะส่งผลดีต่อ AAV มากที่สุด เพราะมีเที่ยวบินถึง 87 เที่ยวต่อสัปดาห์ที่ทำการบินไปยัง 11 เมืองใหญ่ในประเทศจีน นอกจากนี้ ยังมี upside จาก synergies ที่จะเกิดจากการผนึกธุรกิจกับ King Power Group หลังจากที่กลุ่ม King Power ได้เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่ใน AAV อีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่า Revenue Passenger Kilometers (RPK) จะเพิ่มขึ้น 16% CAGR ในช่วงปี 58-2561 โดยคาดว่า Load Factor จะสูงถึง 83-84% จากอุปสงค์การเดินทางทางการอากาศที่แข็งแกร่ง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน, จำนวนเครื่องบินในฝูงบินที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 71 ลำภายในปี 2563 รวมถึงแผนการปรับฝูงบินแบบยืดหยุ่น และการเปิดบินเส้นทางใหม่ และการเพิ่มความถี่เที่ยวบิน พร้อมคาดรายได้เสริมอื่น ๆ จะเพิ่มขึ้น 17% CAGR จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และ synergies ที่จะเกิดจาการผนึกธุรกิจกับ King Power group คาดว่า net margin จะเพิ่มขึ้น เป็น 6% ในปี 60 จาก 4% ในปี 58 จากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้กำไรโตถึง 43% ในปี 58-61 โดยการเพิมขึ้น 1% ของ Load Factor จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้น 8.6% พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ที่ 2,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,078 ล้าบาท