นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการบริหาร บมจ. ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4.4-4.5 หมื่นล้านบาทจากเดิมคาดไว้ที่ 3.5-3.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทไดังานเพิ่มจากโครงการไซยะบุรีที่เป็นงานเพิ่มเติมเข้ามาจำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งรับรู้ในไตรมาส 2/59 ไปแล้วราว 1 หมื่นล้านบาท ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัททำรายได้ราว 3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้อีกราว 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะสูงขึ้นตามรายได้ทึ่เพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิอาจจะต่ำกว่าปีก่อน เพราะปีนี้ไม่การขายเงินลงทุนเหมือนกับที่มีการทำรายการในปี 58 กว่า 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 8-9% เอาไว้ได้
นายประเสริฐ คาดว่า บริษัทมีโอกาสจะได้รับงานราว 20-25% ของมูลค่าโครงการภาครัฐที่จะเปิดประมูลราว 2 แสนล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี 59 ซึ่งจะทำให้งานในมือ ( Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นไปทะลุ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มี Backlog ที่ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นงานโครงการไซยะบุรีที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 62
ทั้งนี้ โครงการภาครัฐที่จะออกประมูลในช่วงที่เหลือปีนี้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี มีทั้งหมด 6 สัญญา มีมูลค่างาน 1.07 แสนล้านบาทที่จะเปิดให้ยื่นซองประมูลปลายเดือน ต.ค. ซึ่งบริษัทจะยื่นทั้ง 6 สัญญา, โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มูลค่า 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งสายสีชมพูและสีเหลืองเป็นรูปแบบ PPP โดย CK ร่วมกับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จะเปิดให้ยื่นซองในเดือน พ.ย.นี้
นอกจากนี้ จะมีการเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. มูลค่า 1.7 หมื่น ล้านบาท และบริษัทจะเข้าประมูลโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่จะเปิดประมูล 7 แห่ง ซึ่ง CK คาดหวังจะได้ 2 โครงการ
"ปีนี้โครงการภาครัฐออกมาล่าช้ากว่าที่คิดไว้มาก แต่ตอนนี้จะเริ่มเปิดประมูล และปีหน้าเราจะเห็นมากขึ้น เราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว" นายประเสริฐ กล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี59 จนถึงปัจจุบัน CK มีงานใหม่เข้ามาประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ มาจากงานโครงการไซยะบุรี 1.9 หมื่นล้านบาท งานมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา 1 ตอน มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เป็นต้น