นายจิรภัทร วีรชยทองคำ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แอสเซทไบร์ท (ABC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทจากนี้ไปจะเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ราว 80% อีก 20% เป็นธุรกิจเดิม คือ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หลังคาดว่าจะสามารถปิดโครงการ“ABOVE Sukhumvit 39" คอนโดมิเนียมหรูระดับพรีเมียมใจกลางเมืองได้ภายในสิ้นปีนี้
หากการรับรู้รายได้จากโครงการ ABOVE Sukhumvit39 เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2 พันล้านบาทภายในปีนี้ จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 2500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 4/59 จากในครึ่งปีแรกที่บริษัทฯ มีรายได้เพียง 42 ล้านบาทและขาดทุนสุทธิ 27 ล้านบาท และหากรับรู้รายได้ตามเป้าหมายดังกล่าวก็จะทำให้บริษัทพลิกลับมาเป็นกำไรสุทธิ และจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 159 ล้านบาทได้หมดภายในปีนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับโครงการ ABOVE Sukhumvit39 เป็นคอนโดมิเนียมหรูระดับพรีเมียมสูง 25 ชั้นตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 มีจำนวนห้องเพียง 41 ยูนิต ขนาดพื้นที่ห้อง 286-341 ตารางเมตร/ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,500 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 150,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาโครงการเกือบเสร็จสิ้นทั้ง 100% แล้ว กำหนดวันเปิดพรีเซล 9-11 ก.ย.59 ตั้งเป้ายอดขาย 3 วันที่ 20-30% และกำหนดวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 22 ก.ย.59
นายจิรภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์และชาวต่างชาติ อีกทั้งมองว่าเศรษฐกิจขณะนี้กำลังอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับ ความโดดเด่นของโครงการ ABOVE Sukhumvit 39 ที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในซอยสุขุมวิท 39 สงบ ร่มรื่น และมีบรรยากาศเป็นส่วนตัว ทำให้โครงการนี้มีความแตกต่างจากคู่แข่งโดยรอบที่มีขนาดของพื้นที่ห้องที่ เล็กกว่าและจำกัดเรื่องที่จอดรถ
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการในกทม.คาดว่าจะสรุปได้ในปี 60 โดยเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนด้วย ซึ่งโครงการในอนาคตที่บริษัทจะซื้อเข้ามาบริหารนั้นจะมองโครงการในรูปแบบเรสซิเดนท์เป็นหลัก ส่วนธุรกิจเดิมก็ยังเดินหน้าต่อไป
"ยืนยันจะไม่เพิ่มทุน เพราะถ้ามีรายได้ตามประมาณการที่ตั้งเป้าไว้ก็จะมีเงินทุนเข้ามาหมุนเวียน ซึ่งถ้าโครงการชัดเจนก็จะมีผู้ร่วมทุนเข้ามาลงทุนระยะยาวกับเรา ซึ่งการเทคโอเวอร์โครงการเก่ามาปรับปรุงใหม่ ก็จะหมุนรอบได้เร็ว"นายจิรภัทร กล่าว
ส่วนโครงการ ABC WORD แถวรามคำแหง จะเป็นปรับรูปแบบเป็นมิกซ์ยูสจะมีทั้งออฟฟิศ รีเทล ร้านค้า ร้านอาหาร คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ปีนี้ จากเดิมจะทำเป็นศูนย์สัตว์เลี้ยงครบวงจร แต่พิจารณาแล้วพบว่าการทำมิกซ์ยูสจะรับรู้รายได้เร็วกว่าจึงปรับรูปแบบใหม่ โดยขณะนี้มีผู้เช่าร้านค้าแล้ว 30% และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50-60% ภายในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ (REITs) ด้วย แต่คงยังไม่ได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
"จากนี้ไปมองการซื้อโครงการเก่ามาปรับปรุงเพื่อขายเป็นหลัก แหล่งเงินทุนมาจาก cash flow บางส่วน และมีคนมาร่วมทุนกับเราและจากสถาบันการเงิน ปัจจุบัน DE อยู่ที่ 1 เท่า มั่นใจปีนี้กลับมาเทิร์นอะราวด์ เพราะถ้ารับรู้รายได้ 2000 ล้านบาทใน 3 เดือนข้างหน้าตามแผนก็จะมีกำไรสุทธิ 40-50% ของรายได้ที่รับรู้ ที่มั่นใจเพราะเชื่อมั่นในมืออาชีพของ บ. Nexus Propperty marketing ซึ่งเป็นบ.ที่ปรึกษาด้านอสังหาฯกลุ่มตลาดลักซ์ชัวรี่ ซึ่งโครงการนี้ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100%"นายจีรภัทรกล่าว