สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บมจ.มัดแมน (MM) ยื่นแบบแสดง รายการข้อมูล (Filing) version แรกเมื่อวันที่ 8 ก.ย.59 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 210,980,750 หุ้น แบ่งเป็น หุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 105,490,375 หุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บมจ.ทรัพย์ศรี ไทย (SST) ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Right) และ จัดสรรเพื่อเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวนไม่เกิน 105,490,375 หุ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) และจะนำเงินระดมทุนไปใช้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้สำหรับการดำเนินการทั่วไป, การชำระเงินกู้ยืม, ลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยมี ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO
สำหรับ MM ดำเนินธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) ปัจจุบันมีเงินลงทุนในธุรกิจร้านอาหารและ เครื่องดื่ม และธุรกิจไลฟ์สไตล์ ได้แก่ บริษัท โกลเด้น โดนัท (ประเทศไทย) จำกัด (GDT) ภายใต้แบรนด์ “Dunkin’ Donuts", บริษัท เอบีพี คาเฟ่ (ประเทศไทย) จำกัด (ABP) ภายใต้เครื่องหมายการค้า"Au Bon Pain", บริษัท โกลเด้น สกู๊ป จำกัด (GS) ภายใต้เครื่องหมายการค้า "Baskin Robbins", บริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด (GHC) ภายใต้แบรนด์ Greyhound Cafe'
นอกจากนี้ GHC ยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ GHC Cafe' (UK) Co., Ltd ในประเทศอังกฤษ เพื่อพัฒนาและดำเนิน ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในประเทศอังกฤษ โดย GHC ถือหุ้น 100% ใน GHC Cafe' (UK) และ จัดตั้ง บริษัท เกรฮาวด์ จำกัด (GHF) ประกอบธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยใช้แบรนด์เกรฮาวด์ในการต่อยอดธุรกิจที่มีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นสำเร็จ รูป ปัจจุบันมีร้านสาขา 16 แห่ง
MM ระบุว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำทางธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลยุทธ์หลักคือ การเพิ่มจำนวนสาขาของทุก แบรนด์ทุกปี เป็นการเติบโตตามธรรมชาติ (Organic Growth) โดยวางแผนลงทุนขยายสาขาและการปรับปรุงภาพลักษณ์สาขาอยำ งต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบนรด์ ขยายช่องทางการกระจายสินค้า และนำเสนอร้านค้าในรูปแบบใหม่ โดยแผนการ ดังกล่าวเป็นกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขาย รักษากลุ่มลูกค้าเดิมและขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ได้อยำงมีประสิทธิภาพ
โครงการในอนาคตสำหรับธุรกิจภายใต้แบรนด์เกรฮาวด์นั้น ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม "เกรฮาวด์ คาเฟ่" จะขยายสาขาในประเทศเพิ่มอีก 6-9 สาขา เป็นทั้งหมด 19-22 สาขาภายในปี 63 คาดวำจะใช้เงินลงทุนประมาณ 15 - 20 ล้านบาทต่อสาขา ขึ้นอยูกับขนาดพื้นที่ร้าน พร้อมทั้งขยายสาขาในต่างประเทศผ่านการให้สิทธิแฟรนไชส์ ซึ่งมีจำนวน 11 สาขาใน 3 ประเทศ ได้แกํ จีน ฮ่องกง และมาเลเซีย โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายวำจะเพิ่มจำนวน Franchisee ในประเทศใหม่ทุกปี ปี ละ 1-2 ราย
ขณะที่โครงการขยายสาขาร้าน "เกรฮาวด์ คาเฟ่"ในประเทศอังกฤษ มีแผนในการสร้างสาขาแหํงแรกด้วยตัวเองเพื่อ เป็น Flagship Store ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Basic with a Creative Twis"เพื่อสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ให้กับลูกค้า และ มุงหวังให้สาขาแหํงนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาต้นแบบในการขยายสาขาร้านอาหารผำนการให้สิทธิแฟรนไชส์ในทวีปยุโรปในอนาคต
ส่วนธุรกิจไลฟ์สไตล์มีแผนจะปลุกปั้นแบรนด์"เกรฮาวด์"ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์และความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม เพื่อเข้าสู ความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่มากกวำแฟชั่นและอาหาร โดยขยับตัวทางการตลาดครั้งใหญํคือการเปิดตัว ‘เอเวอร์รีติงฮาวด์’ (Everything Hound) ซึ่งเป็นที่รวมทั้งสินค้าหลากหลายชนิด โดยการเปิด "เกรย์ฮาวด์ คอนเซปต์ สโตร์"ทั้งสองสาขา คือ กลยุทธ์ใหม่ทางการตลาดที่ "เกรย์ฮาวด์ กรุ๊ป" พยายามก้าวสูความเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ ให้มากขึ้น
สำหรับธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้สิทธิแฟรนไชส์อื่น ๆ นั้น บริษัทฯ มุงเน้นที่จะขยายสาขาอยำงต่อเนื่อง เพื่อ รักษาและเพื่มสํวนแบํงทางการตลาด โดยแผนการขยายสาขาสามารถสรุป ได้ดังนี้
ธุรกิจ จำนวนสาขา/ปี เงินลงทุนต่อสาขา ประมาณการจำนวนสาขา ณ สิ้นปี 63 โดยประมาณ ดังกิ้น โดนัท 12-15 1-2 ล้าน 343 โอ บอง แปง 5-6 4-6 ล้าน 96 บาสกิ้น รอบบิ้นส์ 7-10 2-3 ล้าน 64
นอกจากนี้ บริษัทอาจพิจารณาขยายสาขาร้านอาหารและเครื่องดื่มไปประเทศอื่นในภูมิภาค เชํน กัมพูชา ลาว พมำ และ เวียดนาม เป็นต้น อีกทั้งมีแผนนำเสนอร้านค้ารูปแบบใหม่ โดยมีโครงการพัฒนารูปแบบร้าน โอ บอง แปง (ABP) ให้เป็นร้าน อาหารเพื่อสุขภาพเต็มรูปแบบ และพัฒนารูปแบบร้าน ดังกิ้น โดนัท (DD) จากสาขาขนาดเล็ก (Kiosk) เป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตลอดจนเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้แกํลูกค้า เชํน อินเตอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) และจุดเชื่อมต่อปลั๊กไฟ รวมถึงรูปแบบร้านแบบได ร์ฟทรู (Drive Thru) เพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอมมูนิตี้ มอลล์ (Community Mall) เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ เปลื่ยนไป ซึ่งบริษัทเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการที่จะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองย่านทองหล่อ มีร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ ดำเนินงานโดยบริษัทย่อยเป็นผู้เช่าหลักร่วมกับผู้เช่ารายอื่นประกอบด้วย คาดว่าจะเริ่มให้บริการในชํวงไตรมาส 1/60 งบลงทุนใน โครงการดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 40-50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลดำเนินงานช่วงปี 56, 57 และ 58 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งหมดเท่ากับ 1,855 ล้านบาท , 2,235 ล้านบาท และ 2,889 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (Compound Annual Growth Rate) ที่ 25% ขณะที่กำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)จำนวน 215 ล้าน บาท, 216 ล้านบาท และ 253 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็น EBITDA Margin เท่ากับ 12%, 10% และ 9% ตามลำดับ
และในงวด 6 เดือนแรกสิ้นสุด 30 มิ.ย.59 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งหมด 1,475 ล้านบาท ขาดทุน สุทธิ 19.5 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 3,955.7 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,831.4 บาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 2,124.3 ล้านบาท
ปัจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 843,923,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หลังขาย IPO ในครั้งนี้แล้ว จะมีทุนจด ทะเบียน จำนวน 1,054,903,750 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 19 เม.ย.59 คือ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) ถือหุ้น 677,939,000 หุ้น คิดเป็น 80.3% ภายหลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 64.27% รองลงมาเป็น บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ถือหุ้น 78,718,600 หุ้น คิดเป็น 9.3% ภายหลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 7.46%
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี และหลังหักเงินสำรองตามกฏหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่น ๆ (ถ้ามี)