นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) คาดว่ากำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนในปี 61 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 พันล้านบาท จากราว 560 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น ประกอบกับจะรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลมเข้ามาเต็มปีทั้ง 3 โครงการ กำลังการผลิต 170 เมกะวัตต์ ซึ่งทำให้ในปี 61 ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีความโดดเด่นมาก
ในปี 61 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% จากการที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโซลาร์ฟาร์มและโครงการพลังงานลมที่เริ่มทยอย COD ตั้งแต่ปลายปี 60 และเพิ่มมากขึ้นในปี 61
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมปิดดีลการเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์ม 1 แห่ง ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 40-70 เมกะวัตต์ ในช่วงปลายปีนี้ จากที่เจรจาอยู่ 2-3 ดีล โดยดีลที่คาดว่าจะสรุปได้นั้นมีมูลค่าโครงการราว 4-7 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน 85% ส่วนที่เหลืออีก 15% มาจากส่วนทุนของบริษัท ขณะที่ปัจจุบันมีโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตทั้งหมด 150 เมกะวัตต์
นางสาวโศภชา กล่าวว่า บริษัทเตรียมการยื่นประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มในมาเลเซีย ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 20 เมกะวัตต์ จากทั้งหมด 150 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงยังอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสการเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศฟิลิปปินส์ และเมียนมา แต่ยังไม่มีความแน่นอนเนื่องจากต้องดูความเพียงพอและคุณภาพของสายส่งที่มีความพร้อมก่อนการเข้าลงทุน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนโครงการพลังงานลมในเมียนมา บริเวณใกล้กับพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งเป็นทำเลที่มีปริมาณลมเพียงพอในการผลิตไฟฟ้า แต่ยังติดปัญหาเรื่องคุณภาพสายส่ง ทำให้บริษัทไม่รีบตัดสินใจลงทุน แต่ยังมองว่าหากมีการพัฒนาสายส่งที่ดีขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวได้ทันที
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าที่ตั้งไว้แตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 64 นั้นจะทำได้ตามเป้าหมาย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 403 เมกะวัตต์ ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายระดับ 500 เมกะวัตต์ในปี 60 แล้ว เพราะคาดว่าในสิ้นปีนี้จะทำได้ 420 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ 250 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 170 เมกะวัตต์
ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่ากำไรจะใกล้เคียงปีก่อนที่ 685.14 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้งานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC) มีโอกาสทำได้ไม่เข้าเป้าที่ตั้งไว้ 50 เมกะวัตต์ และลดลงจากปีก่อนที่รับงาน EPC ได้มากถึง 100 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทรับงานได้เพียง 20 เมกะวัตต์ ทำให้กำไรจาก EPC หายไปค่อนข้างมาก แต่บริษัทยังมีกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนเข้ามาช่วยหนุน โดยปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้วของโครงการโซลาร์และลมทั้งหมด 111 เมกะวัตต์ และในเดือนต.ค.นี้จะ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มเข้ามาอีก 50 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปีนี้จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้ว 161 เมกะวัตต์ ทำให้ยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้ทำได้ตามเป้าหมายที่เติบโต 30% มาอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท