นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีแรงขายออกมา โดยตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงหนักกว่า 2%, ตลาดในยุโรปปรับตัวลงราว 1% และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 1% โดยวันนี้หลายตลาดในภูมิภาคได้ปิดทำการเนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา โดยมีตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นมาเลเซีย
ทั้งนี้ ตลาดฯมีความเป็นห่วงว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ภายหลังจากที่ประธานเฟดสาขาบอสตัน ออกมาให้ความเห็นว่า เฟดจะเผชิญความเสี่ยงถ้าชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานเกินไป และควรจะคุมนโยบายการเงินให้เหมาะสมมากกว่า
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิคได้เข้าเขต Oversold แล้ว และมูลค่าเริ่มน่าสนใจมากขึ้น จาก Forward P/E ปีหน้า คิดเป็นแค่ 13.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่อยู่ 14.7 เท่า
พร้อมให้แนวรับ 1,420-1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 ถัดไป 1,460-1,465 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,085.45 จุด ลดลง 394.46 จุด (-2.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,125.91 จุด ลดลง 133.57 จุด (-2.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,127.81 จุด ลดลง 53.49 จุด (-2.45%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 217.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 41.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 503.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 22.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 34.20 จุด
ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นมาเลเซีย, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ย.59) 1,445.28 จุด ลดลง 10.10 จุด (-0.69%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 456.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.ย.59) ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.74 ดอลลาร์ หรือ 3.65%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.ย.59) ที่ 5.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.85/86 รอดู sentiment ตลาดหุ้นวันนี้ มองกรอบ 34.80-34.90
- "อำนวย ปรีมนวงศ์" รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด วันที่ 12 ต.ค.นี้ คณะทำงานกำกับติดตามการพัฒนาที่ดินไม่ได้ใช้เพื่อการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะนำเสนอโรดแมปและแผนปฏิบัติการพัฒนาที่ดินของ รฟท.ทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณา
- แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) ได้เผยแพร่รายงาน Import Refusal Report เรื่องการปฏิเสธการนำเข้าสินค้าจากไทยในช่วงเดือน มิ.ย. 2559 โดยตรวจพบว่ามีสินค้าจากไทยที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่เป็นไปตามข้อตกลง 37 ครั้ง เพิ่มขึ้น 54.17% เทียบกับการตรวจพบในเดือน พ.ค. 2559 ที่มีการตรวจพบสินค้าจากไทยไม่ได้มาตรฐานและไม่เป็นไปตามข้อตกลง 13 ครั้ง และประกาศปฏิเสธการนำเข้าสินค้าที่ส่งออกจากผู้ประกอบการไทยรวม 27 ราย เพิ่มขึ้น 51.85% เทียบกับผู้ประกอบการไทยที่ถูกปฏิเสธในเดือน พ.ค. 2559 จำนวน 14 ราย
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดการให้บริการบัตรเครดิตทั้งระบบ ไม่ว่าบัตรของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) ว่า ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งสิ้น 1.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 4,751 ล้านบาท หรือ 3.52% ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ออกโดยธนาคาร ซึ่งการใช้จ่ายผ่านบัตรยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มปรับดีขึ้น แต่ยังไม่ถือว่าโตสูงมากนัก เนื่องจากครัวเรือนยังระมัดระวังการใช้จ่าย บวกกับธนาคารเองก็ยังกังวลต่อคุณภาพหนี้
- รายงานข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยยอดการปล่อยสินเชื่อของนาโนไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2559 ว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ 19 บริษัท และสถาบันการเงิน 1 แห่ง ซึ่งมีการให้สินเชื่อแล้วจำนวน 3.29 หมื่นราย เป็นวงเงินรวม 852.6 ล้านบาท โดยเฉลี่ยปล่อยเงินกู้รายละ 2 หมื่นบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- CHG (กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 3.10 บาท คาดกำไร 2H59 เติบโต 25%yoy จากการเพิ่มบุลคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ,9 และ 11 โดยคาดว่าจะทำให้มีจำนวนคนไข้ที่เป็นเงินสดจะสูงขึ้น จำนวนคนไข้ประกันสังคมมีมากขึ้น สำหรับราคาหุ้นทีร่วงแรงในช่วงที่ผ่านมาจนทำให้มี PE ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ 34 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ซื้อขายกันที่ระดับ 40 เท่า ดังนั้นจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม ที่สำคัญ CHG เป็นหุ้น Growth Stock ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยสูงถึง 20% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า และมี ROE สูงกว่า 21-22%
- BEAUTY (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเร็วก่อนหน้านี้จนทำให้ลดคำแนะนำลงเป็นถือในช่วงต้นเดือน ส.ค. ปัจจุบันราคาปรับลงมาจนมี Forward PE ปี 2559 ที่ 35 เท่า (จากสูงสุดที่ 43 เท่า) ขณะที่แนวโน้มกำไร 2H59 สดใสและดีกว่า 1H59 ตามฤดูกาล การเปิดสาขาใหม่ และมีสินค้าใหม่ ลูกค้าจีนและตะวันออกกลางรวมกันยังอยู่ที่ 25-30% คาดกำไรปีนี้ +43% ปีหน้า +20%
- BIG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 5.55 บาท ราคาหุ้นปรับลงจนมี Forward PE ปีหน้าเพียง 13.5 เท่า discount จากกลุ่มกว่า 40% ขณะที่เป็นไปได้อาจมีปันผลระหว่างกาล 0.06 บาท/หุ้น กำไร 2H59 ยังสดใสแม้ Big Camera Big Pro Day ครั้งที่ 10 จะทำยอดขายได้ไม่มากเท่าครั้งก่อนเพราะสินค้าหลายตัวขาดตลาดและรุ่นใหม่ๆยังไม่มา ส่วนธุรกิจพิมพ์ภาพดิจิตอลประสบความสำเร็จมาก
- CK (โกลเบล็ก) เป้า 38 บาท 2H59 ช่วงเวลาทองของงานภาครัฐกว่า 3.6 แสนล้านบาท และคาดกำไรปี 59 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+10%YoY) จากรายได้ที่คาดจะทำ New Record ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท จากงานส่วนเพิ่มเขื่อนไซยะบุรี 1.2 หมื่นลบ. และรายได้ปกติ 3.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งถือหุ้น BEM 28% TTW 19% CKP 30%