โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) หลังมองแนวโน้มกำไรปีนี้ที่จะขยายตัวเด่นสุดในกลุ่ม แม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตไม่โดดเด่นมากนัก โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นในปีนี้มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตามการควบคุมต้นทุน ,ลดค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงเครื่องจักรและเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้การผลิตของบริษัทเกิดการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) ขณะที่ยอดขายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่มากนักตามอุตสาหกรรมยานยนต์
ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายในระดับต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี อีกทั้งยังมีโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 150 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นประมาณ 4.5% ของทุนจดทะเบียน ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน
ราคาหุ้น AH เช้านี้อยู่ที่ 12.90 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.53%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
แอพเพิล เวลธ์ ซื้อ 18.40
เอเซีย พลัส ซื้อ 18
ไทยพาณิชย์ ซื้อ 18
เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 17
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 16.10
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 14.50
คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 13.70
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะนำ"ซื้อ"หุ้น AH คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะเติบโตจากปัจจัยหนุน ได้แก่ การประหยัดต่อขนาด การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เป็นต้น ส่งผลให้แนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.3% จากปีก่อนที่ 4.9%
ช่วงครึ่งปีแรก AH ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ระดับ 6.8% และคาดว่าจะเพิ่มเป็นระดับ 10% ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้ที่คาดว่ามีการเติบโตสูงถึง 44% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 450 ล้านบาท แม้แนวโน้มยอดขายจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 1% มาอยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น คาดว่าจะเติบโตราว 4-5% มาอยู่ที่ 2 ล้านคัน ซึ่งบริษัทก็จะเติบโตตามอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตามกำลังการผลิตของบริษัทยังสามารถรองรับโอกาสในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคตได้ โดยบริษัทมีกำลังการผลิตรองรับยอดผลิตรถยนต์ได้อยู่ที่ 3 ล้านคัน โดยไม่ต้องมีการลงทุนเพิ่มมากนัก
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ "ซื้อ"จากแนวโน้มรายได้ของ AH ในไตรมาส 3/59 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/59 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น อีกทั้งลูกค้าค่ายรถยนต์หลายรายยังมีปริมาณคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/59 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานมีความโดดเด่นขึ้น แต่ยังไม่มากนักจากปัจจัยกดดันตลาดส่งออกรถยนต์ที่ยังชะลอตัวอยู่ อย่างไรก็ตามคาดว่าปริมาณคำสั่งซื้อของลูกค้าจะยังเข้ามาต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/59 และคาดว่ายอดขายของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 520 ล้านบาท หรือเติบโต 66.2% จากปีก่อน เป็นผลมาจากมาตรการควบคุมต้นทุน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วยหนุนกำไรสุทธิให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยมองว่ากำไรในปีนี้จะขยายตัวเด่นที่สุดในกลุ่ม ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตไม่โดดเด่นนัก
นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดว่า ผลการดำเนินงานของ AH ในปีนี้จะกลับมาเติบโต ซึ่งได้คาดการณ์ยอดขายในปีนี้อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 3.9% จากงวดปีก่อน ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2 ล้านคัน ทรงตัวถึงดีขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย
อีกทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.2% จากปีก่อนที่ 4.9% จากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ใหม่ ๆ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างดี และการควบตุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทเกิดการประหยัดต่อขนาด หนุนให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตราว 18% มาที่ 370 ล้านบาท
ขณะที่บทวิเคราะห์ของเคทีบีฯ ระบุด้วยว่าหุ้น AH มีความน่าสนใจลงทุนจากแนวโน้มกำไรสุทธิที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว ประกอบกับราคาหุ้น AH ยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี คิดเป็น PBV เพียง 0.7 เท่า โดยปัจจุบัน AH ได้มีโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงินไม่เกิน 150 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นไม่เกิน 14.5 ล้านหุ้น หรือประมาณ 4.5% ของทุนจดทะเบียน สำหรับวันที่ครบกำหนดโครงการซื้อหุ้นคืนวันที่ 14 ก.ย.59