บมจ.ที.เค.เอส. เทคโนโลยี (TKS) ปรับลดรายได้ปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมคาดโต 20% จากปีก่อน หลังภาวะอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ชะลอตัว ขณะที่มีปริมาณงานในมือ (Backlog) ระดับ 500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจราซื้อกิจการ Packaging ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้จะช่วยผลักดันรายได้เติบโตในอนาคต
นายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายการขายและผลิต ของ TKS กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมคาดเติบโตราว 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,539.95 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับงานบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในช่วงที่ผ่านมา จากราคาที่มีการแข่งขันกันสูงเพื่อแย่งชิงงาน ทำให้บริษัทไม่สามารถลงไปแข่งขันในระดับที่ต่ำเกินไปได้ เพื่อรักษามาร์จิ้นไว้ ซึ่งปีนี้คาดรักษาระดับอัตราการกำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 26.14% และ 22.42% ใกล้เคียงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ บริษัทฯมีงานในมือ 500 ล้านบาท คาดจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ ซึ่งมองแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังก็น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากงานหลายโปรเจ็คต์ สามารถรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ก็อยู่ระหว่างเข้าประมูลงาน Printing and Solution อย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะส่งผลดีต่องานในมือที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 30% และงานเอกชน 70%
นอกจากนี้ในต่างประเทศ บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา,ลาว,เมียนมา และเวียดนาม จากปัจจุบันเริ่มเข้าไปรับงาน Printing and Solution ในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา แล้ว ทั้งในส่วนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ซึ่งมองการเติบโตของกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ คาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 7-8% จากเดิมอยู่ที่ 1%
นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการในธุรกิจ Packaging ในประเทศ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในปีนี้ เพื่อเข้ามาต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ หากสามารถเห็นความชัดเจนได้ทันในปีนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งขนาดของกิจการน่าจะอยู่ประมาณหลัก 100 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจ IT ยังอยู่ระหว่างเจรจา อาจจะไม่ได้เห็นความชัดเจนในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ระดับ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ซึ่งยังไม่ได้รวมกับงบที่จะใช้ซื้อกิจการ โดยงบซื้อกิจการจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้จากสถาบันทางการเงิน
ส่วนการเจรจาเพื่อทำคลังสินค้าให้กับ 3 ธนาคารภาครัฐ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาถึงเงื่อนไขต่าง ๆ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จ บริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนทันที จากปัจจุบันมีที่ดินแล้วจำนวน 10 ไร่