นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3-5 ปี ในช่วงไตรมาส 4/59 หลังจากที่บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตระดับ BBB- โดยมีแนวโน้มคงที่ ซึ่งส่งผลให้หุ้นกู้ของบริษัทได้อัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำ สำหรับวัตถุประสงค์ไนการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับการซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้าบริษัทวางแผนการเปิด 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงขึ้นกว่าปีนี้ที่เปิด 8 โครงการใหม่เช่นกัน แต่มีมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าจะเป็นการเปิดคอนโดมิเนียม 7 โครงการ และเป็นครั้งแรกที่บริษัทจะพัฒนาโครงการแนวราบ จำนวน 1 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการทำแผนพัฒนาโครงการแนวราบในปีหน้า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 60 ไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่ 8.5 พันล้านบทท และตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 60 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท ซึ่งในปีหน้าจะมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน จำนวน 8-10 โครงการ มูลค่าราว 6.7 พันล้านบาท
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า เป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ระดับ 8.5 พันล้านบาท เป็นเป้าหมายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 7.5 พันล้านบาท หลังยอดขาย 8 เดือนแรกทำได้แล้วกว่า 5 พันล้านบาท สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ช่วงไตรมาส 4/59 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 3.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ 8 และเป็นโครงการสุดท้ายของปีนี้ คือ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร (Knightbridge Prime Sathorn) ตั้งอยู่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีช่องนนทรี 600 เมตร และติดกับสถานี BRT สาทร โดยขนาดห้องของโครงการอยู่ที่ 24-30 ตารางเมตร สำหรับห้องแบบ Monoplex และ 37-44 ตารางเมตร สำหรับห้องแบบ Duplex ราคขายเริ่มต้นที่ 3.2-6.7 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 150,000 บาท/ตารางเมตร มีกำหนดเปิดพรีเซลในวันที่ 1 ต.ค.59 และคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.94 พันล้านบาท
ขณะที่รายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1.02 พันล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือที่ 1.02 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 61