โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากการเติบโตของพื้นที่เช่าทั้งจากโครงการ The Esplanade, J-Avenue และ Petchkasem Power Center รวมไปถึงส่วนแบ่งผลกำไรจาก Mega Bangna ซึ่งกำไรจะสูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หลังจากการมีร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาเช่าแทนร้านค้าเดิม ด้วยอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นหลังจากทำสัญญาใหม่
ด้านราคาหุ้น SF ช่วงบ่ายอยู่ที่ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท (+0.85%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 1.73%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 7.20 ทิสโก้ ซื้อ 8.10 บัวหลวง ซื้อ 7.50
นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะซื้อ"หุ้น"SF จากแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งหลังปีนี้ คาดว่ายังคงอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งในส่วนของโครงการของ SF เอง และ Mega Bangna โดยคาด SF ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้ยังไม่มีแผนเปิดโครงการใหม่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่จะเน้นการปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่เช่าโครงการเดิม เช่น Mega Bangna เฟส 2 เพิ่มพื้นที่เช่า 10,000 ตารางเมตร และโครงการที่นางลิ้นจี่และทองหล่อ 4 จะขยายพื้นที่เช่า 9,000 และ 11,000 ตารางเมตร ตามลำดับ
ขณะที่การรีไฟแนนซ์เงินกู้ในปีก่อนทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ทำให้แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 คาดว่าจะมีกำไรเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ของ SF มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นค่าเช่า และอัตราเข้าเช่าเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนผู้เช่าหลักในศูนย์การค้า Petchkasem Power Center จาก HomeWorks เป็น Makro Food Service อีกทั้งคาดส่วนแบ่งกำไรจาก Mega Bangna จะเพิ่มขึ้นเช่นกันจากการปรับขึ้นค่าเช่า และในไตรมาส 4/59 SF จะขยายพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 2,100 ตารางเมตรที่โครงการฉะเชิงเทรา พาวเวอร์เซ็นเตอร์
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"แต่ปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 8.10 บาท ขณะที่ประมาณการรายได้ในช่วงปี 59-62 มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 12% โดยหลัก ๆ จะมาจากโครงการ The Esplanade, J-Avenue และ Petchkasem Power Center รวมไปถึงส่วนแบ่งผลกำไรจาก Mega Bangna ที่มีการคาดการณ์อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยอย่างน้อย 5%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นจะยังคงเป็นส่วนแบ่งผลกำไรจาก Mega Bangna ซึ่งกำไรจะสูงขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หลังจากการมีร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาเช่าแทนร้านค้าเดิม ด้วยอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นหลังจากทำสัญญาใหม่ นอกจากนี้ ร้านค้าเดิมที่หมดสัญญาเช่า 3 ปีในปีนี้ก็จะมีการต่อสัญญาด้วยอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้น โดยเฉลี่ยประมาณ 10% ในปีแรก จากอัตราเดิมเช่นกัน
ด้านนายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และปัจจัยทางเทคนิค บล.บัวหลวง กล่าวว่า การเติบโตของพื้นที่เช่าและรายได้ค่าเช่ามีความชัดเจนมากขึ้น โดยบริษัทเริ่มการก่อสร้างโครงการทุ่งมหาเมฆ เฟส 2 เมื่อเดือนที่ผ่านมาตามแผน คาดจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ขณะที่การเปิด AIA Capital center และย้ายอาคารแห่งใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปอยู่บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์การค้า The Esplanade รัชดาฯ หนุนให้มีจำนวนผู้ใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นราว 8% เป็นประมาณ 37,000 คน/วัน ซึ่ง SF จะทำการปรับปรุง The Esplanade เป็น Food Destination ซึ่งมีค่าเช่าเฉลี่ยดีกว่ากลุ่ม non-food และตอบสนอง Lifestyle พนักงานออฟฟิศ ซึ่งจะส่งผลให้ The Esplanade กลายเป็น cash cow ของบริษัท
"เรามองว่าจำนวนผู้ใช้บริการที่ Esplanade รัชดาฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จะสามารถชดเชยการเติบโตได้ดีกว่า หลังจากที่บริษัทมีการยกเลิกสัญญาโครงการ LPN ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 ขนาดพื้นที่เช่าราว 5,900 ตารางเมตร เพราะโครงการมีความล่าช้ากว่าแผนมาก เราประเมินผลกระทบต่อคาดการณ์กำไรระยะยาวจำกัด หรือน้อยกว่า 2% เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีเงินลงทุนในโครงการนี้ เพราะเป็นการเช่าอาคารมาจาก LPN การยกเลิกโครงการจึงไม่ได้สร้างผลขาดทุนให้กับบริษัท"นายวิกิจ กล่าว