บลจ.กสิกรไทยจ่ายเงินปันผลกองทุนตปท. 4 กอง มองหุ้นสหรัฐฯเต็มมูลค่า-ผันผวนก่อนเลือกตั้ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 13, 2016 16:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนต่างประเทศจำนวน 4 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว (K-USXNDQ) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2559 - 31 สิงหาคม 2559, กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558 - 31 สิงหาคม 2559, กองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ หุ้นทุน (K-GINFRA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2559 - 31 สิงหาคม 2559 และกองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2559 - 31 สิงหาคม 2559

โดยทั้ง 4 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 กันยายน 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 459.85 ล้านบาท

นายนาวิน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกองทุน K-USXNDQ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สามารถปรับตัวเป็นบวก 12.79% ใกล้เคียงกับเกณฑ์มาตรฐาน (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 59) เนื่องจากเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นในกลุ่มไอทีซึ่งมีน้ำหนักเป็นส่วนใหญ่ในดัชนี NASDAQ-100 โดยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของหุ้นในกลุ่มไอทีในไตรมาส 2/59 ที่ออกมา มีผลประกอบการดีกว่าค่าเฉลี่ยและนับเป็นอันดับที่ 1 เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ประกอบกับตลาดหุ้น NASDAQ ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นปัจจุบัน Forward P/E อยู่ที่ 19.9 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีที่ 18.42 เท่า (ที่มา: Bloomberg 6 ก.ย. 59) ดังนั้นผู้ลงทุนควรใช้ความระมัดระวังหากต้องการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเนื่องจากระดับราคาค่อนข้างแพงแล้ว

“บลจ.กสิกรไทยยังคงมองว่าระดับราคาหุ้นสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงและเต็มมูลค่า ขณะที่การเลือกตั้งสหรัฐฯในเดือนพ.ย. เป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างมาก โดยนโยบายการหาเสียงของแต่ละพรรคอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและความผันผวนต่อตลาดในระยะสั้น ประกอบกับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เริ่มมีมากขึ้น ซึ่งหากมีการปรับขึ้นในเดือนธ.ค.ตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์จะกดดันผลกำไรบริษัทจดทะเบียน รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะแข็งค่าขึ้นกดดันบริษัทผู้ส่งออก" นายนาวินกล่าว

นายนาวิน กล่าวอีกว่า ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน K-GINFRA ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา สามารถปรับตัวเป็นบวก 3.80% โดยเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 3.69% (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 59) ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ราคาหุ้นโครงสร้างพื้นฐานในหมวดพลังงานที่กองทุนหลักลงทุนอยู่ ปรับตัวขึ้นจากพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง รวมถึงราคาพลังงานที่ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในช่วงปลายปี 2558 ช่วยหนุนผลการดำเนินงานของกองทุนหลักอย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้ภายหลังช่วง Brexit หุ้นโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมสื่อสารและด้านขนส่งทั่วโลก ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอแม้ในยามเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ส่วนมุมมองของบลจ.กสิกรไทยไทยมองว่า การกระจายการลงทุนไปในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกยังเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากมีโอกาสสร้างรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนรวมถึงในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก

ส่วนมุมมองเศรษฐกิจจีนนั้น เห็นว่าความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนคลี่คลายลงในช่วงไตรมาสแรกของปี โดยนักลงทุนเริ่มเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างระมัดระวัง และเศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยขยายตัวที่ 6.7% ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี ขณะที่ภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปฏิรูปประเทศที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เป็นปัจจัยหนุนการลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว ทั้งนี้ด้วยราคาหุ้นจีนปัจจุบันที่ยังซื้อขายอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวและถูกกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น บลจ.กสิกรไทยจึงมองว่าตลาดหุ้นจีนยังมีความน่าสนใจด้วยมุมมองการลงทุนในระยะยาว ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุน K-CHINA ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.83% (ณ วันที่ 31 ส.ค. 59) โดยปัจจุบันกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการภาครัฐบาลจีนที่เน้นการบริโภคในประเทศและการลงทุนในประเทศ

ด้านกองทุน K-GA ซึ่งมีนโยบายกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 อยู่ที่ 2.60% โดยกองทุนหลักของกองทุน K-GA ยังคงเน้นคัดเลือกสินทรัพย์เข้ามาในพอร์ตลงทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่สามารถให้ผลตอบแทนดีในภาวะการเติบโตที่ชะลอตัวและดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ