นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่ 330.99 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯดำเนินแนวทางในการจัดการต้นทุน และสามารถต่อรองเรื่องวัตถุดิบให้มีราคาที่ต่ำลง ประกอบกับได้มีการชำระหนี้สถาบันทางการเงินไปบางส่วน ส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงค่อนข้างมาก โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 8% จากปีก่อนที่ 7.93% โดยในช่วงครึ่งปีแรกขึ้นไปถึง 10.87%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยอมรับว่ารายได้ปีนี้จะทำได้เพียงใกล้เคียงปีก่อนที่ 4.17 พันล้านบาท พลาดเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีการเติบโต 5% เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว และในช่วงครึ่งปีแรกอุตสาหกรรมก่อสร้างยังไม่ดีนัก แต่เชื่อว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคเอกชนและภาครัฐมีการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากการเริ่มลงทุนฐานรากที่มากขึ้น
"ปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะเติบโตในตัวเลขหลักเดียวได้ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ทำให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกไม่ได้ตามที่คาดไว้ และในช่วงครึ่งปีหลังเองโดยปกติผลประกอบการจะออกมาน้อยกว่าครึ่งปีแรก แต่ก็เห็นท้องฟ้าที่เริ่มเปิดมากขึ้นสำหรับเรา จากการลงทุนฐานรากที่สูงขึ้น จึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังผลประกอบการจะดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน"นายสาธิต กล่าว
แนวโน้มปี 60 บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 3-5% จากปีนี้ โดยเชื่อว่าจากการลงทุนภาครัฐ รวมถึงภาคเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ และปีหน้าก็คาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่านี้ จึงมองว่าผลประกอบการจะมีการเติบโตได้ดีกว่าปีนี้
นอกจากนี้ ยอดขายในประเทศก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19% และในปี 61 จะเพิ่มเป็น 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งยอดขายในต่างประเทศเติบโตค่อนข้างมาก ในช่วงที่ผ่านมายอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV
"เรายังคงดำเนินนโยบายการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้ผลประกอบการในบรรทัดสุดท้ายออกมาดี แต่อย่างไรก็ตาม ปีหน้าเรายังคงมีเป้าหมายที่รายได้จะต้องเติบโต ซึ่งมองการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ และจะรักษาการใช้กำลังการผลิตที่ไม่ต่ำกว่า 80% เพื่อให้มีต้นทุนต่อหน่วยยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม"นายสาธิตกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯยังเตรียมสรุปแผนการลงทุนไลน์การผลิตใหม่ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ ในช่วงปลายปีนี้ หลังจากปัจจุบันบริษัทฯใช้กำลังการผลิตไปแล้วกว่า 90% โดยวางงบลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท