นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) กล่าวว่า บริษัทฯคาดรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้ 4.2 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 271.96 ล้านบาท หลังในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ทำกำไรสุทธิได้ 165.24 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวลง โดยในช่วงครึ่งปีแรกราคาน้ำตาลเฉลี่ยอยู่ที่ 12-13 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งน่าจะเป็นราคาที่ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
โดยปัจจุบันราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22-23 เซนต์/ปอนด์ และคาดราคาน้ำตาลทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 19 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้นจากระดับเฉลี่ย 14 เซนต์/ปอนด์ในปีที่แล้ว จากความต้องการบริโภคน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณการผลิตไม่เพียงพอ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้น้ำตาลขาดตลาด โดยเฉพาะในประเทศบราซิล ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำตาลเป็นอันดับหนึ่งของโลก ก็ลดปริมาณการส่งออกลง ขณะที่ประเทศไทยประเมินว่าปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีนี้จะลดลงเหลือไม่ถึง 90 ล้านตันอ้อย
นอกจากนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบฤดูกาล 59/60 จะอยู่ที่ 2.4 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 2 ล้านตัน หรือคิดเป็นผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยเฉลี่ย (yield) อยู่ที่ 115 กิโลกรัมต่อตันอ้อย และน่าจะผลิตน้ำตาลทรายได้ 2.87 แสนตัน ส่วนฤดูกาล 60/61 คาดปริมาณอ้อยเข้าหีบจะมากกว่า 2.4 ล้านตัน จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มเป็น 2.4 แสนไร่ และวางเป้าหมายภายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ 3 ล้านตัน ตามพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มเป็น 2.5 แสนไร่
นายอนันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ในธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทในเครือ 2 แห่ง คือ บริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด (BEC) และ บริษัท บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด (BPC) มูลค่ารวม 3.6 พันล้านบาทนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้ในช่วงต้นปี 60 โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเม็ดเงินทุนที่ได้ไปก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทรายบริสุทธิ์ จำนวน 1 แห่ง กำลังการผลิต 1-1.2 พันตันอ้อย/วัน งบลงทุนราว 1 พันล้านบาท และก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทราย อีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 20,000 ตันอ้อย/วัน
อีกทั้งจะใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล เพิ่มอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าแล้วจำนวน 3 แห่ง โดย 2 แห่งมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว กำลังการผลิตรวม 19.8 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่ม COD ได้ภายในปีนี้ และรับรู้รายได้เข้ามาทันที อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าราว 10% ธุรกิจน้ำตาล 70% และที่เหลือเป็นอื่น ๆ
"เราคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิน่าจะทำได้ใกล้เคียงปีก่อน จากราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลง และภัยแล้ง แต่เราก็มีรายได้จากการขายไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มขึ้น จากมีการรับรู้รายได้จากการขายไฟในรูปแบบ FIT ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 20% จากรูปแบบแอดเดอร์เดิมที่อยู่ราว 3.50 บาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปีนี้ จากปีก่อนไม่ถึง 10% ขณะที่มองแนวโน้มราคาน้ำตาลในครึ่งปีหลังก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น คาดราคาน้ำตาลปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 19 เซนต์/ปอนด์"นายอนันต์ กล่าว