(เพิ่มเติม) UAC สรุปร่วมทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลในเมียนมา 20 MW ก่อนสิ้นปีนี้,หันลงทุนไบโอเคมิคอลเสริมหลังผลตอบแทนไฟฟ้าลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 14, 2016 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) เตรียมจับมือพันธมิตรเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งในเมียนมา กำลังผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินสิ้นปีนี้ ประเมินเงินลงทุนเบื้องต้นราว 2 พันล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าในมือจะเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ภายในปี 62 จากปัจจุบันมี 15.5 เมกะวัตต์ และผลักดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากขณะนี้อยู่ที่ 10%

ขณะที่เตรียมสรุปแผนร่วมทุนในธุรกิจไบโอเคมิคอลภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจุบันเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศที่สนใจเข้ามาถือหุ้น และคาดว่าจะสรุปแผนลงทุนโรงงานรีไซเคิลขยะใน สปป.ลาว ในช่วงไตรมาส 4/59 ถึงต้นปี 60

นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ UAC เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรในและต่างประเทศลงทุนทำธุรกิจไบโอเคมิคอล เป็นสารที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอาง โดยจะเป็นธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าดีลดังกล่าวจะสามารถได้ข้อสรุปในช่วงปลายปีนี้

"เราก็มีการมองการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ที่มีโอกาส เช่น ทำธุรกิจไบโอเคมิคอลซึ่งปัจจุบันมีคนทำน้อยและเริ่มมีความต้องการใช้มากขึ้นจากกระแสของความงามที่มีความนิยมอย่างต่อเนื่อง ประกอบธุรกิจพลังงานมีความไม่แน่นอนสูงและผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันค่า FiT โครงการชีวมวลในภาคใต้ที่ออกมาอยู่ในระดับที่ต่ำมาก"นายกิตติ กล่าว

นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตธุรกิจเคมีภัณฑ์เป็น 2 หมื่นตัน/ปีในสิ้นปี 60 จากระดับ 1 หมื่นตัน/ปีในปัจจุบัน

ส่วนการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนโดยเฉพาะโครงการในต่างประเทศนั้น บริษัทคาดว่าภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้จะได้ข้อสรุปการลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งในเมียนมา กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 20 เมกะวัตต์ โดยจะต้องใช้เงินลงทุนราว 2 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 15.5 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการโซลาร์รูฟท้อป 2 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 1.5 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติที่จังหวัดสุโขทัย 2 โรง กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดขอนแก่น ที่ร่วมลงทุนกับบริษัท ทีพีที เทพประทานพร จำกัด กำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้างและขอใบอนุญาตซื้อขายไฟ (PPA) โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปลายปีนี้ อีกทั้งภายใน 3 ปี (ปี 60-62) บริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ โดยการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ตามเป้าหมายจะเป็นการลงทุนทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นที่กลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา,ลาว,เมียนมา และเวียดนาม

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 4/59 จะได้ข้อสรุปการลงทุนโรงงานรีไซเคิลขยะ ในลาว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าลงทุน โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 62 จะเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศ ซึ่งโอกาสและความต้องใช้เคมีภัณฑ์และไฟฟ้าในต่างประเทศยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV

ขณะที่บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่ 1.8 พันล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง 1 พันล้านบาท ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 400 ล้านบาท และธุรกิจไฟฟ้า 400 ล้านบาท ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ารายได้จะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเทรดดิ้งที่จะมียอดการขายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ แนวโน้มราคาน้ำมันที่มีการฟื้นตัวขึ้น ส่งผลให้รายได้ธุรกิจเคมีภัณฑ์เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่ครึ่งปีแรกธุรกิจเคมีภัณฑ์ทำรายได้พลาดเป้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ