(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นดีดขึ้นกรอบแคบ แต่อาจย่อตัวระหว่างเทรด,จับตาแรงซื้อต่างชาติ-ประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 15, 2016 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีมีโอกาสที่ปรับตัวขึ้นก่อน แต่ระหว่างวันอาจจะย่อตัวลงตามแนวต้านได้ หลังนักลงทุนต่างชาติที่แม้จะยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่เมื่อวานนี้ก็เริ่มเห็นแรงขายในตลาดฟิวเจอร์สบ้างแล้ว ทำให้ภาพตลาดอาจมีความผันผวนได้ ซึ่งสอดคล้องกับภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่แกว่งตัวในกรอบแคบและไร้ทิศทาง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้อิงแดนลบ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) ยังเคลื่อนไหวในแดนลบอยู่เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นไทยอาจจะเผชิญกับแรงขายตามแนวต้านออกมาบ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังรอดู FTSE Rebalance ที่ปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทยก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีผลในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) รวมถึงรอดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 20-21 ก.ย.ด้วย ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในวันนี้น่าจะทรงตัวระดับ 5 หมื่นล้านบาท หลังตลาดเอเชียหลายแห่งหยุดทำการ

พร้อมให้แนวต้านบริเวณ 1,464 และ 1,471 และแนวรับบริเวณ 1,447 และ 1,440 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,034.77 จุด ลดลง 31.98 จุด (-0.18%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,173.77 จุด เพิ่มขึ้น 18.52 จุด (+0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,125.77 จุด ลดลง 1.25 จุด (-0.06%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 101.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 46.56 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 10.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.30 จุด

ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.ย.59) 1,458.19 จุด เพิ่มขึ้น 11.35 จุด (+0.78%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,483.42 เมื่อวันที่ 14 ก.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.ย.59) ปิดที่ 43.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ย.59) ที่ 6.36 หรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.85 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ รอความชัดเจนปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก
  • ฟิทช์เรทติ้งส์เชื่อแบงก์พาณิชย์ไทยมีเสถียรภาพ แม้อันดับเครดิตเป็นลบระบุฐานะเงินทุนยังแข็งแกร่ง รับมือเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นได้ดี พร้อมประเมินการเข้ามาของเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมระยะยาว ขณะที่ระบุกลุ่มตลาดเกิดใหม่เริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากหนี้นอกที่เริ่มสูงขึ้นในบางประเทศ ส่วนไทยฐานะทางการคลัง-ภาคการเงินต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องดูแล
  • ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ตั้งเป้าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทุกโครงการของกระทรวงคมนาคมว่า ให้เริ่มดำเนินการได้ทันทีเพื่อช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกำหนดเป้าหมายว่า ทุกโครงการจะต้องดำเนินการประกวดราคาและลงนามในสัญญาภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2560 โดยเฉพาะโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 2 ล้านบาท ถึง 1,000 ล้านบาท และโครงการ ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท จะต้องลงนามในสัญญา และเบิกจ่ายเงินงวดงานภายในเดือน ธ.ค.2559 ซึ่งมีวงเงินรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ด้านคมนาคมจ่อชงพีพีพี เคาะแผนบริหารมเตอร์เวย์ 2 สาย ใน 15 ก.ย.นี้ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท วางกรอบเอกชนร่วมทุนระยะเวลา 30 ปี
  • กนง. ปรับเพิ่ม "จีดีพี" ปีนี้โต 3.2% หลังการบริโภคไตรมาส 2 ดีกว่าคาด ชี้ผลจากปัจจัยกระตุ้นชั่วคราว ห่วงเงินบาทบางช่วงที่แข็งค่าเร็วเกินไป สั่ง ธปท. ติดตามผู้เล่นในตลาดใกล้ชิด พร้อมประเมินส่งออกปีหน้า ยังหดตัวต่อเนื่อง ฉุดลงทุนภาคเอกชนชะลอ ยอมรับปราบทัวร์ศูนย์เหรียญกระทบ การท่องเที่ยวบ้าง คาดหายไป 2 แสนคนปีนี้ ขณะที่มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% เป็นการตรึงดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11 เนื่องจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ดี
*หุ้นเด่นวันนี้
  • BCH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไรไตรมาส 3/59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากช่วง high season และการรับรู้รายได้ประกันสังคมที่เลื่อนมาจากช่วงไตรมาส 2/59 ทั้งนี้ คาดกำไรปี 59 นี้ จะเติบโตก้าวกระโดดจาก การถึงจุดคุ้มทุนของโรงพยาบาล WMC การเติบโตของโรงพยาบาลในเครือทั้งจำนวนผู้ป่วยนอกและในการขึ้นค่ารักษาพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น
  • SYNTEC (ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมาย 5.35 บาท โดยมองเป็น 1 ในผู้นำงานรับเหมาก่อสร้างงานอาคารสูง ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ชั้นนำ และจดทะเบียนในตลาดฯ ขณะที่ Gross Profit Margin อยู่ในระดับที่ดี เฉลี่ย 12-15% นอกจากนี้ SYNTEC เริ่มรับรู้รายได้เต็มที่จากโครงการ Apartment ให้เช่า จำนวน 4 โครงการ ตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้เป็นต้นไป ประมาณ 490 ล้านบาท คาดช่วยชดเชยความผันผวนรายได้งานก่อสร้าง

ทางด้านผลการดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากโครงการที่ SYNTEC รับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทำให้ฐานของรายได้สูงขึ้นตามลำดับ ขณะที่ Backlog ล่าสุด (13,384 ล้านบาท) คาดสามารถรับรู้รายได้ถึงปี 62 นอกจากนี้ประสิทธิภาพในงานก่อสร้างดีขึ้น จากสัดส่วนสำรองค่าใช้จ่ายในการเก็บงานที่ลดลง ทำให้คาดกำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดี และคาดน่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในปี 60

  • ILINK (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท โดย ILINK ชนะประมูล 2 โครงการมูลค่ารวม 873 ล้านบาท ส่งผลปรับประมาณการกำไรขึ้น 2-17% ในปี 60-61 นอกจากนี้การประมูลเคเบิ้ลใต้ดินในช่วงปลายปีนี้ยังเป็น Upside Risk ต่อประมาณการเพิ่มเติม
  • IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) โดยแนวโน้มในครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา 20% นับตั้งแต่จุดสูงสุด มองว่ารับข่าวร้ายไปพอสมควรแล้ว ในขณะที่การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งจะไม่ได้รับผลลบจากปัจจัยในประเทศมาก นอกจากนี้ยังได้ผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเมื่อคืน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ