นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ มองกรอบดัชนีที่ 1,450-1,477 จุด จากคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Dow Jones) บวกได้ 177 จุด ปัจจัยหลักมากจากเรื่องที่เกี่ยวกับดอกเบี้ย เพราะตัวเลขเศรษฐกิจ 4 ตัว มีน้ำหนักในทางลบต่อเศรษฐกิจ โดยตัวเลขเคลมว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ถึงจะออกมาดี (+1000 ; คาด +6000) แต่ตัวเลขในภาคเศรษฐกิจจริง คือ ยอดค้าปลีก,ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และ Empire Manufacturing ล้วนออกมาต่ำกว่าคาด โดยรวมแล้วไปลดโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในสัปดาห์หน้าให้น้อยลง (Fed Fund Rate Implied Probability เดือน ก.ย. ลดลงจาก 20% เหลือ 18%)
ด้านราคาน้ำมันได้แรงหนุนคือ ค่าเงินดอลล่าร์ที่อ่อนค่าลง 2 วันติดกันมาลดแรงกดจากสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ และคืนที่ผ่านมามีข่าวว่ามีกำหนดวันประชุม OPEC กับนอกกลุ่ม ไว้ที่ 27 ก.ย. ราคาน้ำมันดิบถึงจะผันผวนแต่อยู่ในกรอบ $40-50 เหรียญ ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อตลาดมากกว่าลบ
สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คณะกรรมการยังไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายโดยคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% และซื้อพันธบัตรัฐบาล 4.35 แสนล้านปอนด์ แต่พร้อมที่จะปรับผลต่อตลาดในวันนี้จึงมีน้อย แต่ประเด็นในต่างประเทศ ที่น่าจับตาดูวันนี้ คือ นายกฯญี่ปุ่นจะแถลงภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนกำลังเก็งว่า BOJ หรือธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจปรับนโยบายการเงิน (เพิ่ม QE + ลดดอกเบี้ย) ในการประชุมสัปดาห์หน้าหากปรับเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดจะบวกต่อตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญๆจะเป็นเรื่องการเดินหน้าแผนลงทุนทั้งโครงการขนาดใหญ่ (PPP) และโครงการด้านพลังงานของภาครัฐ เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ด้วย ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ แม้ปัจจัยต่างประเทศจะเข้ามาช่วยหนุน นักลงทุนต่างประเทศขายในตลาดเอเซียน้อยลง และของไทยยังซื้อต่อเนื่อง แต่คาดว่าดัชนีฯจะบวกได้ไม่แรงนัก เนื่องจากเป็นวันศุกร์ที่ตามปกติการซื้อขายไม่ค่อยมากอยู่แล้ว
"ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน KTBST ยังมองว่า แรงซื้อหุ้นที่กลับเข้ามาในตลาดหลังปรับตัวลงมามากยังคงมีต่อแต่จะเบาบางลงก่อนเข้าวันหยุด จึงยังต้องเน้นกรอบเวลาการลงทุนสั้นๆ เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและราคาปรับตัวลงมามากๆ หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ KBANK,TCAP,BANPU,CHO,TSE"นายมงคล กล่าว