นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าลงทุนซื้อกิจการบริษัทผู้วิจัยและออกแบบเทคโนโลยีในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเตรียมขยายการรับงานในต่างประเทศ คาดจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ เบื้องต้นคาดจะใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อกิจการประมาณ 100 ล้านบาท
“เราเริ่มเข้าไปรับงานด้านนวัตกรรมมากขึ้น ดังนั้นเราจะต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบงานด้าน วิศวกรรม เรามีแผนจะเข้าซื้อกิจการที่เป็นบริษัทวิจัย ออกแบบเทคโนโลยีในประเทศสิงคโปร์ เขาเองก็มีงานประเภทธุรกิจ oil&gas ในมืออยู่แล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้"นายธัช กล่าว
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมรับงานออกแบบดีไซน์ให้กับผู้ประกอบการจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย มูลค่าโครงการมากกว่า 100 ล้านบาทคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือนจากนี้ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถรับงานดังกล่าวจะทำให้รายได้ในส่วนของการออกแบบเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่ PPS มีรายได้จากการออกแบบอยู่เพียง 10 ล้านบาท
นายธัช กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมยื่นข้อเสนองานเมกะโปรเจ็คภาครัฐบาลอีก 1 โครงการในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะรู้ผลในปลายปีนี้ และยังเดินหน้าเสนองานอีกหลายโครงการ หลังจากเข้ารับงานบริหารการก่อสร้างขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2ที่บริษัทเป็นผู้นำในการรับงานภายใต้กลุ่ม SCS Consortium ซึ่งทำให้สัดส่วนงานภาครัฐจะเพิ่มเป็น 30% ในปี 60 จากปีนี้อยู่ที่ 10%
พร้อมกันนี้หากมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆออกมา บริษัทก็พร้อมจะเข้าร่วมประมูลงานในส่วนงานบริหารและการควบคุมการก่อสร้าง เบื้องต้นคาดมูลค่างานบริการและคุมงานก่อสร้างจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ระยะสัญญาในการก่อสร้าง 3-5 ปี โดยบริษัทมีความสามารถที่จะรับงานได้ราว 500 ล้านบาท
ส่วนงานภาคเอกชน จะเน้นเสนองานในกลุ่มที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ กลุ่มโรงแรมที่ขยายตัวไปตามหัวเมืองใหญ่มากขึ้น ทั้งภูเก็ต และพัทยา รวมถึงในกรุงเทพฯ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่มอุตสาหกรรมไอที โดยเฉพาะงาน Data Center ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
นายธัช กล่าวอีกว่า ภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 59 บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 300 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 239.34 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของงานบริหารและการควบคุมการก่อสร้างที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมาทั้งงานภาครัฐบาลและเอกชน
สำหรับปี 60 คาดรายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 660 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีหน้าในหลัก 100 ล้านบาท ประกอบกับจะมีงานภาคเอกชนทยอยประมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง และบริษัทคาดว่าจะรักษาระดับรายได้ในส่วนของภาคเอกชนที่ 200 กว่าล้านบาทเช่นเดียวกับในทุก ๆ ปี