ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,471.58 จุด เพิ่มขึ้น 8.19 จุด (+0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 24,460.34 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,473.15 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,466.76 จุด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นคล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่บวกเล็กน้อย ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ติดลบมาก และมีหลายตลาดในภูมิภาคปิดทำการวันนี้
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้พยายามขึ้นมาทดสอบแนว 1,470-1,480 จุด หลังจากตลาดฯ รับรู้เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไปพอควรแล้ว โดยหากหุ้นปรับขึ้นไปก่อนที่ผลการประชุมเฟดจะออกมาก็ต้องระวัง Sell on fact หากผลประชุมออกมาตามคาดในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะทราบในสัปดาห์หน้าเชานกัน
ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มพลังงานภายหลังจากที่ราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นในกลุ่มแบงก์วันนี้ดูจะแผ่วลงอาจเป็นเพราะได้ปรับขึ้นไปในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมให้ติดตามปัจจัยในประเทศที่มีน้ำหนักต่อตลาดฯต่อไปด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงเป็นลักษณะของการเทรดเพื่อรอผลประชุมเฟด และ BOJ หากหุ้นในกลุ่มพลังงานยังบวกได้ก็เชื่อว่าตลาดฯก็น่าจะยังยืนในแดนบวกได้เช่นกัน พร้อมให้แนวรับและแนวฟิวเตอร์ไว้ที่ 1,460 จุด ซึ่งไม่ควรจะหลุด สำหรับนักลงทุนที่เล่นเทรดดิ้งหากหลุดแล้วจะดูไม่ดีนัก ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,470-1,480 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,814.27 ล้านบาท ปิดที่ 6.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,723.34 ล้านบาท ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,283.00 ล้านบาท ปิดที่ 524.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,069.05 ล้านบาท ปิดที่ 7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,008.35 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง