นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ว่า ตลาดหุ้นไม่ได้มีข่าวใหม่ ๆ ที่มีนัยยะต่อตลาดฯเข้ามาในวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯคืนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่านักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเริ่มประชุมวันนี้ (20 ก.ย.) เป็นวันแรก จะทราบผลการประชุมในวันพรุ่งนี้สำหรับ BOJ และ วันถัดไปสำหรับ FED
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สังเกตได้ คือนักลงลงทุนไม่มั่นใจว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) หรือ BOJ จะตัดสินใจอย่างไร จึงชะลอการลงทุนไว้ก่อน สวนทางกับการวิเคราะห์ในตลาดฯที่ส่วนใหญ่คาดว่าทั้งสองแห่งอาจไม่มีการเปลี่ยนนโยบาย โดยเฉพาะ FOMC เป็นผลให้สินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ ชะลอตามกันไปทั้งหมด การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเชียมีสลับบวก-ลบ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แสดงว่าส่วนใหญ่จะรอดูผลการประชุมนี้
ด้านราคาน้ำมันในคืนที่ผ่านมา WTI ปิดไปที่ 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยตลาดฯพุ่งความสนใจไปที่การประชุมผู้ผลิตน้ำมัน ที่กำหนดไว้ 27 ก.ย.ว่าจะสามารถทำข้อตกลงในทางที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมันหรือไม่ ณ วันนี้ ยังมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังเป็นที่จับตาจากนักลงทุนว่าจะขยายตัวได้ระดับใด และมีปัญหาหนี้ขนาดไหน และผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ หากมีการอนุมติในเรื่องที่สำคัญ ๆ จะมีผลต่อตลาดหุ้นด้วย ดังนั้นภาพรวม ๆ ของตลาดฯคาดว่าน่าจะทรง ๆ ตัวตามต่างประเทศ จากปัจจัยที่รอผลการประชุม FOMC และ BOJ อีกทั้งตลาดไม่ได้มีข่าวใหม่ ๆ ที่มีนัยยะต่อตลาดเข้ามาในวันนี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แม้ทิศทางตลาดหุ้นวานนี้จะบวกได้ค่อนข้างแรง แต่เนื่องจากผลการประชุมธนาคารกลางสองแห่งจะมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย เพราะอาจมีผลไปถึงเงินกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) ว่าจะยังคงอยู่ในตลาดหุ้นต่อไปหรือไม่ ทำให้ยังแนะนำแค่เพียง “ถือ" เลี่ยงหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าลงทุน และปรับเป็นเล่นสั้น ๆ ในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมาก โดยปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีการปรับลงตามราคาหุ้น โดยหุ้นที่แนะนำวันนี้ได้แก่ BANPU,TSE,SMPC,MT,KSL