ดัชนีหุ้นไทยท้ายตลาดภาคเช้าร่วงลงไปกว่า 20 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง ขณะที่มีแรงขายทำกำไรนำออกมาในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มสื่อสาร พลังงาน และแบงก์ ผนวกกับนักลงทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย หลังวานนี้ขายสุทธิออกมากกว่า 3 พันล้านบาทถ่วงบรรยากาศการลงทุน พร้อมกันนี้ตลาดฯยังรอดูการประชุม FED และ BOJ ในสัปดาห์นี้ด้วย
เมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,482.01 จุด ลดลง 10.72 จุด (-0.72%)
เมื่อเวลา 10.15 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,480.47 จุด ลดลง 12.26 จุด (-0.82%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.09 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,472.46 จุด ลดลง 20.27 จุด (-1.36%)
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อตัวลงกว่า 10 จุด หลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไป 5 วันติดต่อกันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยต่างรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพุธนี้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบไม่มาก อย่างไรก็ดี มองว่าที่ระดับ 1,480 จุดน่าจะทำให้เกิดการรีบาวน์ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,495 จุด
บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้ต่างชาติขายสุทธิกว่า 3.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายสุทธิที่มากที่สุดในปีนี้นับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. และเป็นยอดขายสุทธิที่มากกว่า 2 พันล้านบาท ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. ขณะที่ในเชิงมูลค่าตลาดหุ้นไทยปรับมาซื้อขายใกล้ระดับ Forward P/E ที่ 16 เท่า ซึ่งเป็นระดับเหมาะสมที่ทางฝ่ายประเมินไว้ (ประมาณ 1,510-1,520 จุด) จึงมอง Upside เริ่มจำกัด