นายสุเมธ สุทธภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (IWIND) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทในเครือซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม ได้เซ็นสัญญาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการวิจัยและพัฒนาการศึกษาการใช้งานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานลม กับ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อที่จะร่วมมือกันนำระบบการจัดการไฟฟ้าพลังงานลม โดยใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่มาใช้ในการผลิตไฟฟ้าจริง
โดยทาง MTEC จะอำนวยความสะดวกในการนำงานวิจัยและบุคลากรผู้วิจัยมาร่วมมือกับบริษัทในการวางระบบติดตั้งและใช้งานแบตเตอรี่ รวมทั้งจะดำเนินการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทจะส่งข้อเสนอแนะจากการใช้งานจริงเพื่อร่วมพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทจะเริ่มดำเนินการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานเกาะเต่า ที่มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 4.8 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าปากพนัง ที่มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 8.965 เมกะวัตต์ ในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยการวางระบบการบริหารจัดการไฟฟ้าพลังงานลมด้วยแบตเตอรี่จะส่งผลให้การจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานลมมีความเสถียร จากเดิมที่ต้องพึ่งแรงลมตามธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มอัตราการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินโครงการกับภาครัฐในอนาคต ซึ่งระบบกักเก็บพลังงานจะเข้ามามีบทบาทในระบบผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานทดแทนมากขึ้น
"ระบบบริหารจัดการไฟฟ้าพลังงานลมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่นั้นจะทำให้เกิดความมั่นคงของพลังงานได้อย่างมาก เพราะจะมีอัตราการจ่ายไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ไฟฟ้าไม่กระชาก ลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าโดยใช่เหตุ และถ้าเกิดความขัดข้องด้านการผลิต แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ยังสามารถทำหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในระยะเวลาหนึ่งอีกด้วย" นายสุเมธ กล่าว
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว ช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าได้ครบเครื่อง จากจุดเด่นในด้านการหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม จากนี้ก็จะสามารถบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยบริษัทมีนโยบายในการขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมรวมทั้งสิ้น 1,000 เมกะวัตต์ใน 5 ปี
ด้านนายจุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมมีการจัดทำระบบสำรองพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ จากปัจจุบันที่มีการสำรองไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เอกชนให้ความสำคัญในเรื่องการกักเก็บพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เชื่อมั่นว่า การนำงานวิจัยไปใช้ในการดำเนินธุรกิจจริงนั้นจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีไปอีกก้าว ซึ่ง MTEC พร้อมดำเนินการศึกษาร่วมกับเอกชนอีกหลายโครงการ เพื่อสร้างประโยชน์และนวัตกรรมเพิ่มเติมอีกในอนาคต ตามนโยบายประชารัฐ
ขณะที่น.ส.พิมพา ลิ้มทองกุล นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลการวิจัยพบว่าแบตเตอรี่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าได้ โดยสามารถกักเก็บพลังงานและย้ายพลังงานจากเวลาหนึ่งไปอีกเวลาหนึ่ง จากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่งได้ แต่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมในด้านของการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งขนาดและระบบควบคุมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
ด้านนายบรรจง อรชุนกะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ IWIND ระบุว่า บริษัทพร้อมที่จะใช้ทรัพยากรร่วมกับ MTEC ในการพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้าลมด้วยแบตเตอรี่ รวมถึงยังมีพันธมิตรอย่างผู้ผลิตกังหันลมอันดับ 1 ของโลก อย่างโกลด์วิน อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (GOLDWIND) ประเทศจีน ร่วมทำการศึกษาด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้น