นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 114 (KTFF114) อายุ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21-27 กันยายน 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China (Macau) , PT BANK RAKYAT INDONESIA (PERSERO) Tbk , Agricultural Bank of CHINA , Ahli Bank QSC และตั๋วเงินคลังประเทศญี่ปุ่น คาดผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX3M1) เสนอขายถึงวันที่ 23 กันยายน 2559 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 100% ผลตอบแทนประมาณ 1.10% ต่อปี
ในสัปดาห์นี้ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม จะเป็นเรื่องนโยบายทางการเงิน ของธนาคารกลางญี่ปุ่น ( BOJ) และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่จะมีการประชุมกันในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งผลของการประชุมจะกำหนดทิศทางของค่าเงิน และตลาดการเงินในช่วงที่เหลือของปีนี้ ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของปีนี้ จาก3.1% เป็น 3.2% เนื่องจากภาคการบริโภคในไตรมาส 2 ดีขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในประเทศ โดยรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลของการประชุม BOJ และ FED รวมถึงผลของการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ไว้ที่ 1.5% โดยอายุ 2 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.01% อยู่ที่ 1.57% อายุ 5 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.04% และอายุ 10 ปี ปรับเพิ่ม 0.09% อยู่ที่ 2.22 % ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง ในตราสารหนี้ระยะสั้น และกลาง ประมาณ 0.03% ในรุ่นอายุ 2 ปีและ 5 ปี ส่วนอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02% อยู่ที่ 1.69%