ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จับมือบริษัท เอสซีซีพี รีทส์ จำกัด ปั้นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยแลนด์ ไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้" (TPRIME REIT) เข้าลงทุน 2 อาคารสำนักงานกลางใจกรุงเทพฯ “โครงการเอ็กเชน ทาวเวอร์และโครงการเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ "ชูจุดเด่นตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางศูนย์กลางย่านธุรกิจ (Central Business District : CBD) เชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท และเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม อัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูง เชื่อมั่นโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอ บริหารงานโดยมืออาชีพ เตรียมเปิดขายเร็ว ๆ นี้
นายสุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการบริหาร บริษัท เอสซีซีพี รีทส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) เปิดเผยว่า TPRIME REIT มีแผนระดมทุนจากนักลงทุนไม่เกิน 5,475 ล้านบาท และเงินจากการกู้ยืมเงินระยะยาวไม่เกิน 2,150 ล้านบาทภายในปีนี้ เพื่อนำเงินไปลงทุนกรรมสิทธิอาคารเอ็กเชน ทาวเวอร์ ผ่านการถือหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 99.99 ของหุ้นทั้งหมดในบริษัทเอ็กเชน ทาวเวอร์ จำกัด และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่ดินและอาคารของโครงการเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ มูลค่าลงทุนในทรัพย์สินรวมไม่เกิน 7,220 ล้านบาทส่วนที่เหลือจะเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายครั้งแรกและดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งกองทรัสต์เรียบร้อยแล้ว บลจ.กสิกรไทยในฐานะทรัสตีจะนำกองทรัสต์ดังกล่าวเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
สำหรับโครงการเอ็กเชน ทาวเวอร์ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 4 ไร่ 1 งาน 61 ตารางวา แบ่งเป็นอาคารและสิ่งปลูกสร้างคิดเป็นพื้นที่รวม (Gross Floor Area) ประมาณ 80,944.42 ตารางเมตรและพื้นที่ให้เช่า (Net Leasable Area) ประมาณ 42,887.82 ตารางเมตร และโครงการเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ แบ่งเป็นอาคารและสิ่งปลูกสร้างคิดเป็นพื้นที่รวม (Gross Floor Area) ประมาณ 52,882.00 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่า (Net Leasable Area) ประมาณ 24,765.43 ตารางเมตร
โครงการเอ็กเชน ทาวเวอร์และโครงการเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ นับเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นตามแนวเส้นทางคมนาคมหลักในเขตศูนย์กลางย่านธุรกิจ (Central Business District : CBD) อาคารเชื่อมต่อโดยตรงกับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอโศก และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท และรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีชิดลมตามลำดับ จึงถือเป็นทำเลที่ดี ส่งผลให้ที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอทั้งจากค่าเช่าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ร้านค้า โดยในส่วนของโครงการเอ็กเชน ทาวเวอร์ มีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 98-99% ของทั้งพื้นที่สำนักงานและร้านค้า ขณะที่โครงการเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ มีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 95-96% ของทั้งพื้นที่สำนักงานและร้านค้า ซึ่งเชื่อว่าด้วยศักยภาพของอาคารและทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินทาง ผนวกกับความเป็นมืออาชีพในการบริหารอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท เอสซีซีพี รีทส์ จำกัด จะช่วยเพิ่มมูลค่าของการลงทุน และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในอสังหาริมทรัพย์
อีกทั้งจุดเด่นของ TPRIME REIT คือ การผสมผสานระหว่างกองทรัสต์ที่ประกอบไปด้วย Freehold และ Leasehold ในกองเดียวกัน และที่สำคัญทั้ง 2 โครงการที่ TPRIME REIT เข้าไปลงทุนไม่ว่าจะเป็น โครงการเอ็กเชน ทาวเวอร์ และโครงการเมอร์คิวรี่ ทาวเวอร์ ถือว่าอยู่ใน Prime Area เชื่อมต่อแนวรถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าใต้ดิน อีกทั้งยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เช่าอาคารดังกล่าวประกอบธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมและมีความเข้มแข็งทางการเงิน ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาแม้ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนทีมผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ก็มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถสูงอีกด้วย และที่สำคัญคู่แข่งในตลาดมีน้อย เนื่องจากโอกาสที่จะสร้างตึกอาคารสำนักงานในบริเวณใกล้เคียงต้องใช้เวลานานพอสมควร และที่สำคัญราคาที่ดินอยู่ในระดับสูง
"การที่กอง TPRIME REIT เป็นกองผสมระหว่าง Freehold กับ Leasehold ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยได้เป็นอย่างดี เพราะการที่มีส่วนประกอบของ Freehold จะได้รับประโยชน์จากมูลค่าทรัพย์สินที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆตามราคาตลาด ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการจัดตั้งกอง TPRIME REIT ขึ้นมา และมีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี ในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว เรียกได้ว่า การลงทุนกับ TPRIME REIT ถือเป็นการลงทุนอย่างคุ้มค่าบนมาตรฐานระดับ Prime"นายสุชาติกล่าว
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยแลนด์ ไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ (TPRIME REIT) มิได้เสนอขายเป็นการทั่วไป แต่ถ้าประชาชนทั่วไปสนใจสามารถเข้ามาซื้อในตลาดรองได้
น.ส.ณุกานต์ สุวัตธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอสซีซีพีรีทส์ จำกัด กล่าวว่า สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งไฟลิ่ง ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.59 ที่ผ่านมา คาดว่าจะใช้เวลาราว 45 วัน ซึ่งก็เชื่อว่าจะสามารถเปิดขายและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในปีนี้
โดยราคาเสนอกำหนดราคาขายหน่วยทรัสต์ที่ 10 บาท/หน่วย และมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ต่อหน่วยที่ 10 บาท เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันจำนวนมาก โดยจะเสนอขายนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นหลัก
สำหรับการระดมทุนผ่านกองรีทส์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำกองรีทส์ในไทยให้เติบโต หลังจากที่ทำกองรีทส์ในญี่ปุ่นเติบโตมาแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาสินทรัพย์อื่น ๆ ที่จะขายเข้ากองเพิ่มเติมด้วย หลักๆ ก็จะมองสำนักงานให้เช่า ทั้งในย่าน CBD เกรด A และเกรด B ที่อาจไม่ใช่ย่านกลางเมืองแต่ติดแนวรถไฟฟ้า เช่น บางนาเราก็มอง สำหรับอัตราค่าเช่าของทั้ง 2 โครงการจะปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-5% เชื่อว่าผู้ลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการเข้าลงทุนในกองดังกล่าว ขณะที่ตลาดสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพฯยังมีดีมานด์เติบโตมากกว่าซัพพลาย
"ถึงแม้ต้นทุนการระดมทุนจากนักลงทุนผ่านกองรีทส์ ต้นทุนทางการเงินจะสูงกว่าการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินระยะยาว ซึ่งต้นทุนอยู่ที่ 3% แต่ต้องการทำให้กองรีทส์ในไทยเติบโต"น.ส.ณุกานต์ กล่าว