นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ว่า ดัชนีฯในช่วงเปิดตลาดน่าจะผันผวนได้ค่อนข้างมาก ตัวแปรสำคัญของตลาดน่าจะไปอยู่ที่ผลการประชุม BOJ ว่านโยบายจะมีผลต่อค่าเงินเยนและตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างไร ก็จะมีผลมาถึงตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,464-1,487 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปในคืนที่ผ่านมา รวมถึงตลาดหุ้นเอเซียเช้านี้ดูทรงๆ ตัว ตลาดเงิน-พันธบัตร ก็ไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ประเมินว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คงรอดูผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ (แถลงผลประชุมช่วงเวลา 11.00 – 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) สำหรับผลประชุม BOJ มีทางเลือกหลายทาง หลักๆ จะเป็นลดดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันที่ -0.10% และปรับเพิ่มวงเงิน QE จากเดิม 80 ล้านล้านเยนต่อปี แต่ถึงกระนั้น BOJ ก็อาจทำในสิ่งที่ตลาดไม่ได้คาดคิดก็เป็นได้ แต่หนึ่งในทางที่ KTBST คาดไว้ คือจะเป็นการทำ “Operation Twist" หรือ "ขายหรือถือพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือมาก และ ซื้อพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือน้อย" เราคาดว่าผลการประชุม BOJ วันนี้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีมาตรการออกมา จะมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกขณะที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะทราบผลเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาในประเทศไทย คาดว่าจะคงนโยบายเดิมไว้ (ดอกเบี้ย 0.25-0.50%)
ทั้งนี้ Fed Fund Rate Implied Probability เดือน ก.ย. เพิ่มจาก 20% เป็น 20% ในวันที่ผ่านมา ด้านราคาน้ำมันดิบ ทิศทางยังเป็น sideway ในกรอบ $40-50 เหรียญ ประเทศในกลุ่ม OEPC กำลังพยายามหาข้อสรุปในกลุ่มก่อนที่จะมีการประชุมจริง (คาด 28 ก.ย.) ว่าควรจะมีการตัดสินใจในนามของกลุ่มอย่างไรในการประชุมร่วมกับผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC
สำหรับปัจจัยในประเทศของไทยเองมีค่อนข้างน้อยผลการประชุม ครม.วานนี้ ยังไปเน้นเรื่องการใช้จ่ายและลงทุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดแต่ที่สำคัญกว่านั้น คือแรงขายที่เกิดขึ้นวานนี้จะมีต่อในวันนี้หรือไม่
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ตลาดหุ้นวันนี้ก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ คือ sideway รอประเมินผลการประชุม BOJ และ FOMC แต่หากการเทขายยังมีต่อ แนะนำให้ลดการถือหุ้นลงบ้าง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนต่างประเทศถืออยู่ หุ้นที่น่าสนใจในวันนี้ได้แก่ TSE , SMPC , KSL , BWG